Story : Nutthawat J. / Photo : Pol.Capt. Kittin A

สวัสดีครับ ท่านผู้ชื่นชอบการรับประทานอาหารอย่างมีรสนิยมทุกท่าน วันนี้พวกเราทางทีมงาน Kinandleisure มีร้านอาหารที่ดี ๆ มานำเสนอกันอีกเช่นเคย โดยในคราวนี้เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่เป็นโอมากาเสะแบบฟิวชั่นที่เสิร์ฟในลักษณะของไคเซกิ โดยคาดว่าทุกท่านน่าจะรู้จักหรือเคยได้ยินชื่อห้องอาหาร Hashiri Bangkok มาแล้ว

ซึ่งห้องอาหารนี้ตั้งอยู่ในโรงแรม The Athenee Hotel ย่านถนนวิทยุ ทำเลใจกลางเมืองที่เดินทางสะดวกและเปี่ยมไปด้วยความหรูหรา ซึ่งเมื่อแรกก้าวเข้ามาในร้าน จะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศการต้อนรับแบบญี่ปุ่นซึ่งผสานกับความทันสมัยได้อย่างแนบเนียน ใครที่กำลังมองหาประสบการณ์โอมากาเสะแบบพรีเมียม หรือคอร์สญี่ปุ่นฟิวชั่นที่ปรุงด้วยวัตถุดิบชั้นเลิศจากทั่วโลก ร้านนี้เรียกได้ว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่งและห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวงจริงๆ ครับ

รู้จักกับ Hashiri

แบรนด์ร้านอาหารญี่ปุ่น Hashiri เป็นแบรนด์ร้านอาหารระดับไฮเอนด์ที่มีชื่อเสียงและเติบโตในต่างประเทศ มีจุดเด่นคือมุ่งเน้นการนำเสนอวัตถุดิบสดใหม่ตามฤดูกาล ซึ่งในภาษาญี่ปุ่นเอง “Hashiri” สื่อถึง “การเริ่มต้นของฤดูกาล” หรือช่วงแรกที่วัตถุดิบประจำฤดูกำลังมีรสชาติยอดเยี่ยมที่สุด

ทีมเชฟของร้านจึงทุ่มเทในการคัดสรรวัตถุดิบตามฤดูกาลจากแหล่งที่ดีที่สุด ซึ่งรวมถึงการคัดสรรวัตถุดิบในประเทศไทยเช่นกัน ตลอดจนการนำเข้าส่วนประกอบหลัก ๆ จากญี่ปุ่นหรือประเทศอื่น ๆ ที่โดดเด่น เพื่อให้แขกได้สัมผัสรสชาติอาหารที่สดใหม่และคุณภาพสูงสุด

สำหรับ “Hashiri Bangkok” ในโรงแรม The Athenee Hotel นั้น ออกแบบบรรยากาศให้นั่งสบาย มีความหรูหรา โมเดิร์น และมีความเป็นส่วนตัว จุดเด่นของร้านคือการผสมผสานเทคนิคการปรุงอาหารแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น เช่น การแล่ปลา การทำดาชิ หรือซอสสูตรดั้งเดิม มาประยุกต์กับทักษะการทำอาหารยุคใหม่ ร่วมกับการนำเสนอแบบโมเดิร์น เน้นความใส่ใจในรายละเอียดทุกขั้นตอน ตั้งแต่การคัดเลือกวัตถุดิบจนถึงการจัดจานบนโต๊ะ รังสรรประสบการณ์แปลกใหม่สุดประทับใจมิลืมเลือน

Decorations and Service

ทันทีที่มาถึง คุณจะพบกับการตกแต่งที่ประณีตในโทนสีเรียบหรู เฟอร์นิเจอร์เน้นวัสดุคุณภาพดี ทั้ง ไม้ หนัง และแสงไฟที่สะท้อนถึงความเป็นอัตลักษณ์ญี่ปุ่นร่วมสมัย พื้นที่ของร้านออกแบบให้มีที่นั่งหลายรูปแบบ ทั้งเคาน์เตอร์บาร์สำหรับผู้ที่ต้องการชมเชฟปรุงอย่างใกล้ชิด และโต๊ะส่วนตัวสำหรับการมาเป็นคู่หรือกลุ่มเล็ก ๆ ตลอดจนมีพื้นที่ห้องส่วนตัวให้บริการเพื่อประสบการณ์อาหารอย่างเป็นส่วนตัว

ในขณะที่พนักงานบริการเป็นกันเอง มีความรู้ลึกเกี่ยวกับเมนูและวัตถุดิบ เชฟเองก็มักจะออกมาแนะนำจานต่าง ๆ พร้อมตอบคำถามเกี่ยวกับแหล่งที่มาและกระบวนการปรุงอย่างเป็นกันเอง จุดนี้สร้างความประทับใจให้ผู้ที่มาเยือน เพราะได้รู้ที่มาที่ไปของอาหารแต่ละคำ ช่วยให้ดื่มด่ำกับมื้ออาหารมากขึ้น
Menu

หนึ่งในหัวใจหลักของ Hashiri Bangkok คือการบริการแบบคอร์ส (Course Menu) และโอมากาเสะ (Omakase) ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนตามฤดูกาล เมนูที่มีการนำเสนอส่วนใหญ่ล้วนใช้วัตถุดิบระดับท็อปในตลาด มีทั้งของทะเลพรีเมียมอย่างไข่หอยเม่น หอยเป๋าฮื้อ ปูคิงแครบ และปลาชนิดพิเศษอื่น ๆ รวมถึงเนื้อวัวคุณภาพสูง และวัตถุดิบนำเข้าอีกหลายชนิด การปรุงยังมีความสร้างสรรค์ แฝงกลิ่นอายฟิวชั่นสมัยใหม่ รวมถึงมีเมนูแบบอาลาคาร์ดสำหรับการเลือกรับประทานได้ตามชอบเช่นกัน ซึ่งสำหรับประสบการณ์โอมากาเสพของที่นี่ ให้ความรู้สึกสบายๆ ไม่ได้ตึงเครียดหรือเคร่งเครียดกับเวลาเท่าใดนัก ทำให้เป็นมื้ออาหารที่ผ่อนคลายและเรียกรอยยิ้มให้ผู้รับบริการได้อย่างสบายใจ
และต่อไปนี้จะเป็นเมนูของทางร้าน “Hashiri” ที่ The Athenee Hotel กรุงเทพฯ ซึ่งจัดมาเป็นคอร์สพร้อมไฮไลต์อาหารญี่ปุ่นร่วมสมัยและวัตถุดิบคุณภาพสูงแต่ละจาน มาดูรายละเอียดและความโดดเด่นของแต่ละเมนูกันแบบเจาะลึกกันครับ
Ankimo

เริ่มต้นด้วยเมนูเรียกน้ำย่อยจานแรกจากตับปลา Monkfish ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งวัตถุดิบชั้นเลิศของอาหารญี่ปุ่น โดยจานนี้ทำเป็น Monkfish Liver Ice Cream ที่นำเสนอมาในรูปแบบซึ่งน่าสนใจมาก เพราะนอกจากจะปรุงตับปลาให้ได้กลิ่นรสครีมมี่มัน ๆ รสชาติมันคล้ายฟัวกราส์ แต่กลิ่นคาวน้อยกว่า และมีความหวานละมุนฉบับของตับปลา และยังจับมาทำเป็นเนื้อคล้ายไอศกรีมเย็น ๆ

เสิร์ฟพร้อม Monaka ที่เป็นแป้งเวเฟอร์บางกรอบทำลวดลายสวยงาม โดยวางโชว์แบบเปิดฝาตอนเสิร์ฟเพื่อโชว์ของที่อยู่ข้างใน ยิ่งเพิ่มความน่าสะดุดตาขึ้นไปอีก และมีการประดับด้วย ดอกไม้กินได้ สีสวยสะดุดตา ด้านล่างของภาชนะเป็นการตกแต่งด้วยเมล็ดธัญพืช เพื่อสร้างบรรยากาศและความงดงามตามสไตล์ญี่ปุ่น เสิร์ฟพร้อมแตงโมดอง ช่วยตัดความมันเลี่ยนของตับปลาได้ดี และยังให้กลิ่นแตงโมชัดเจน

Uni & Crab

ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่ผสานความหรูหราของวัตถุดิบได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ โดยมีไข่หอยเม่น (หรืออูนิ) สายพันธ์ Bafun ซึ่งมีความหวานและรสครีมมี่เป็นเอกลักษณ์ และมีสีส้มสดที่วางเด่นอยู่ด้านบน ทั้งยังประดับด้วย คาเวียร์ ระยิบสีดำเข้ม ซึ่งคาเวียร์พันธุ์ Oscietra มีเม็ดขนาดกลางถึงใหญ่ สีออกเทาเข้มถึงดำเป็นเงา มักให้รสชาติกลมกล่อมและมีกลิ่นหอมนวลของทะเล นอกจากนี้ เชฟยังเพิ่มความหรูหราด้วยทองคำเปลวอันเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหรา

โดยมี เนื้อปู ชิ้นเล็กชิ้นน้อยเต็มด้านล่าง ซึ่งทั้งหมดนี้บรรจุอยู่ใน ทาร์ตบางกรอบ จัดเสิร์ฟบนภาชนะที่ประดับอย่างสวยงาม และใส่แอปเปิ้ล Granny Smith เพื่อช่วยตัดเลี่ยนไข่หอยเม่นและคาเวียร์ นอกจากนี้ ตัวทาร์ตกรอบ นอกจากจะมีส่วนที่ทำเป็นฐานแล้ว ยังมีการสร้างกิมมิคที่สวยงามด้วยการทำเป็นรูปปูเล็กๆ ใส่ไว้ในไส้ทาร์ตด้วย ซึ่งช่วยเพิ่มทั้งรสสัมผัสและประสบการณ์ระดับพรีเมียมจริงๆ

Sashimi
ณ เบื้องหน้าคือจานอาหารที่เปรียบเสมือนบทกวีของท้องทะเล จัดเรียงอย่างละเมียดละไมจนละสายตาไม่ได้ ซาชิมิรวมตามฤดูกาล นี้มิใช่เพียงการนำปลาดิบมาวางบนจาน แต่เป็นงานศิลป์ที่สะท้อนหัวใจของอาหารญี่ปุ่นแท้ ความสดใหม่ของวัตถุดิบ และความประณีตแห่งการจัดวาง

เชฟมิได้เลือกวัตถุดิบเพียงเพราะความเลิศรส แต่เลือกเพื่อบอกเล่าภูมิทัศน์ของฤดูกาล ด้วยความตั้งใจที่จะให้ทุกคำพาผู้รับประทานเดินทางผ่านรสชาติและกลิ่นอายของมหาสมุทร ด้วยสัมผัสของคลื่นลมและแสงแดดที่หล่อเลี้ยงชีวิตใต้น้ำ วัตถุดิบแต่ละชิ้นจึงเป็นดั่งบทกวีแห่งกาลเวลา

หอยเชลล์ (Hotate) สีขาวนวล ดุจไข่มุกแห่งทะเล รสสัมผัสแน่นเด้ง ทว่าฉ่ำหวานราวกับเก็บกลิ่นอายแห่งมหาสมุทรไว้ในเนื้อ หากจิ้มเพียงเกลือทะเลละเอียด ก็เพียงพอจะเผยรสชาติธรรมชาติได้อย่างบริสุทธิ์ หรือหากใครชื่นชอบความละมุนที่เข้มขึ้น สามารถแตะแต้มโชยุเพียงปลายตะเกียบ เพื่อขับรสอูมามิให้ลึกซึ้งขึ้นอีกขั้น

ทูน่าบ่มแห้ง (Dry-aged Tuna) มีเนื้อสัมผัสอันนุ่มละมุน ราวกับละลายได้เองเมื่อสัมผัสปลายลิ้น กระบวนการบ่มแห้งช่วยลดความชื้น เพิ่มความเข้มข้นของรสชาติ ให้สัมผัสของปลาแน่นขึ้นเล็กน้อย แต่ยังคงความชุ่มฉ่ำ—เป็นการเสริมมิติใหม่ให้กับปลาทูน่าที่มากกว่าความสด

แซลมอน สีส้มสดใส เปล่งประกายเนื้อฉ่ำลายไขมันที่แทรกในชั้นเนื้อ บ่งบอกถึงคุณภาพและความสมบูรณ์แบบของปลา ที่ถูกจับและแล่ด้วยมืออันเชี่ยวชาญ เพื่อคงความนุ่มละมุนและรสชาติอันหวานฉ่ำ

ปลาเนื้อขาว วางเรียงขนาบอยู่ด้านข้าง บางชิ้นรองด้วย ใบโอบะ (Shiso Leaf) สีเขียวเข้ม ซึ่งมิได้เป็นเพียงเครื่องตกแต่ง หากแต่เป็นองค์ประกอบที่เติมเต็มรสชาติ ด้วยกลิ่นสมุนไพรอ่อน ๆ ที่ช่วยเสริมให้ความสดของปลาชัดเจนยิ่งขึ้น

และที่ขาดไม่ได้คือ วาซาบิสด ปั้นเป็นก้อนเล็ก ๆ รอให้ผู้รับประทานเป็นผู้ตัดสินใจเติมลงในโชยุตามใจชอบ—เป็นอิสระแห่งรสชาติที่ทุกคนสามารถปรับแต่งเอง หากต้องการสัมผัสที่เผ็ดขึ้นจมูกแต่อ่อนหวาน สามารถเติมเพิ่มได้ตามต้องการ

หัวไชเท้าขูดเป็นเส้นบาง วางรองปลาเนื้อขาวไว้เบื้องล่าง ไม่เพียงเพื่อรักษาความเย็นและความสดของเนื้อปลา แต่ยังทำหน้าที่ซับซับความชื้นส่วนเกิน อีกทั้งยังเป็นเครื่องเคียงที่ช่วยตัดเลี่ยนได้อย่างน่าทึ่ง
ในจานนี้ ไม่มีสิ่งใดเกินเลย ทุกองค์ประกอบถูกจัดสรรด้วยความเคารพต่อธรรมชาติของวัตถุดิบ สะท้อนปรัชญาของอาหารญี่ปุ่นที่ยกย่องความเรียบง่าย และให้วัตถุดิบเป็นผู้เล่าเรื่องราวของตนเอง—เรื่องราวของทะเล ของฤดูกาล และของศิลปะบนจานอาหาร

Awabi


Awabi หรือ หอยเป๋าฮื้อ ถือเป็นหนึ่งในวัตถุดิบระดับพรีเมียมสำหรับอาหารญี่ปุ่น โดยเฉพาะหอยเป๋าฮื้อจากบริเวณ Ezo (ฮอกไกโด) ที่ขึ้นชื่อเรื่องเนื้อสัมผัสแน่นเด้งและรสหวานตามธรรมชาติ โดยจานนี้จะใช้ Ezo Abalone Tempura ตัวหอยเป๋าฮื้อชิ้นไม่ใหญ่มาก ทอดแบบเทมปุระจนกรอบเบา ๆ ด้านนอก แต่ยังคงความหนึบแน่นและความหวานของเนื้อหอยข้างใน เสิร์ฟบนโซบะญี่ปุ่นที่ให้เนื้อสัมผัสที่เหนียวนุ่มและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

แตกต่างจากเส้นราเม็งหรืออุด้งที่มีความหนาและเหนียวคนละแบบ และเป็นการเสิร์ฟในลักษณะเสิร์ฟเย็น ให้ความสดชื่น พร้อมซอสจากตับหอยเป๋าฮื้อ มีรสชาติเค็มอูมามิที่ล้ำลึกเข้มข้น ซึ่งองค์ประกอบทุกอย่างเข้ากันได้ดีเป็นอย่างยิ่ง เป็นอาหารจานหลักสไตล์ญี่ปุ่นที่ผสมผสานความกรอบของเทมปุระเข้ากับความนุ่มเหนียวของเส้นโซบะได้อย่างลงตัว

และที่สำคัญ จานนี้เสิร์ฟแบบอลังการเนื่องจากมาพร้อมกับดรายไอซ์ ซึ่งไม่ใช่แค่สร้าง Visual เท่านั้น แต่ยังเป็นการรักษาอุณหภูมิขณะเสิร์ฟให้มีความเย็นที่เหมาะสมด้วย

Beef Cheek & Foie Gras


สุดยอดอาหารจานข้าวจานนี้เป็นการผสมผสานระหว่าง เนื้อแก้มวัวตุ๋น เนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำ ใช้กรรมวิธีตุ๋นยาวนาน (36 ชั่วโมง) จนเนื้อแก้มวัวเปื่อยนุ่ม ได้ความหอมหวานจากน้ำซอสที่ซึมเข้าไปในเนื้อ ร่วมกับ ตับห่าน ที่หอมมันเป็นพิเศษผิวนอกเหลืองกรอบ แต่เนื้อในยังคงความฉ่ำมัน เมื่อทานคู่กับเนื้อแก้มวัวจะได้ความละลายและรสเข้มที่เสริมกันได้เป็นอย่างดี ทั้งสองอย่างวางบนข้าวญี่ปุ่นเม็ดอ้วน

สัมผัสเหนียวนุ่ม เคี้ยวเพลิน ปรุงผสมกลิ่น ทรัฟเฟิล เพิ่มความหรูหราและหอมฟุ้ง พร้อมต้นหอมซอยจำนวนมาก ช่วยขับกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของข้าว และให้มิติความกรุบของต้นหอม

จัดเสิร์ฟมาในหม้อดิน พร้อมเครื่องเคียงและน้ำซุป โดยรวมให้ความรู้สึกเป็น “Comfort Food” สไตล์ญี่ปุ่นที่ยกระดับด้วยวัตถุดิบเกรดพรีเมียม

เสิร์ฟพร้อมของดองตัดเลี่ยนต่าง ๆ เช่นแตงกว่าดอง ซุปมิโสะ และซอสสำหรับทานกับเนื้อ มีจุดเด่นพิเศษคือข้าวก้นหม้อที่จะมีรสชาติเข้มข้นและกรุบกรอบเป็นพิเศษ เมื่อทานร่วมกันแล้วบอกเลยว่าคุ้มค่าที่ได้รับประทานสุดๆ ครับ

ทั้งความเข้มข้นและกลมกล่อมจากเนื้อแก้มวัวตุ๋นและตับห่าน มีกลิ่นหอมพิเศษจากทรัฟเฟิลและต้นหอมซอย รสเค็มหวานมันตามสไตล์อาหารญี่ปุ่น-ตะวันตกร่วมสมัย อร่อยถึงคำสุดท้ายจริงๆ

Melon

เป็นไอศกรีมเมล่อน ได้ความหวานหอมของเมล่อน เสิร์ฟพร้อมเจลลีไวน์ขาวที่เคี้ยวเพลิน เพิ่มความหอมซับซ้อน เปรี้ยวบาง ๆ ช่วยตัดหวานให้ไม่เลี่ยน และราด Yuzu Curd ให้รสเปรี้ยวและกลิ่นยูซุที่สดชื่นอยู่ด้านบน เป็นของหวานที่เน้นความสดชื่นและกลิ่นหอมผลไม้ เหมาะกับการล้างปากหลังอาหารคาวจานหนัก ๆ ได้เป็นอย่างดี

Nama Chocolate

Nama Chocolate จากช็อกโกแลตสดเนื้อเนียน ฉ่ำ มีความหวานน้อย ได้รสขมและกลิ่นโกโก้เข้มข้นจากดาร์กช็อกโกแลต 70% โรยด้วย Feuilletine หรือแผ่นเวเฟอร์บาง ๆ ให้ความกรุบกรอบเพิ่มเทกซ์เจอร์ ด้วยรสสัมผัสเข้มข้นและนุ่มละมุนลิ้นของดาร์กช็อกโกแลต ตัดกับความกรุบกรอบของแป้ง ทำให้จบคอร์สอย่างเรียบง่ายแต่หรูหรา

Valentine’s Day Special menu
ในห้วงวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมา ทางเชฟได้มีการคิดค้นเมนูพิเศษสำหรับเทศกาลแห่งความรักด้วยเช่นกัน ซึ่งทางทีมงาน Kinandleisure ได้มีโอกาสทดลองเมนูดังกล่าวบางส่วนด้วยครับ
Sakizuke
เป็นของเรียกน้ำย่อยคำเดียวสุดหรูหรา ภายในคำประกอบด้วยอูนิจากฮอกไกโดอย่างเต็มคำ โดยมีสาหร่ายย่างทำให้มีความแข็งและกรอบเป็นฐาน ช่วยเพิ่มความเค็มแบบอูมามิให้อาหารคำนี้แบบเต็มที่ นอกจากนี้ ยังมีองค์ประกอบอื่นๆ คือไข่ปลาและโอโทโร่ชิ้นโตมาเพิ่มรสสัมผัสให้มีความเต็มปลาเต็มคำขึ้นไปอีก
Nakachoko
เป็นจานที่สะท้อนความรักที่สวยงาม ภายในจานประกอบด้วยหอยเชลฮอกไกโดชิ้นโตเป็นเบสเนื้อ พร้อมด้วยซอสหวานและสีสันที่สวยงามจากอุเมะโบชิ (บ๊วย) กับบีชรูทที่ทำออกมาเป็นคัลปัลโช่ พร้อมเพิ่มเติมรสสัมผัสความมันและความสวยงามขึ้นไปอีกขั้นด้วยชีสจากนมแพะ ที่จะมีรสสัมผัสที่เข้มข้นมากว่าชีสทั่วไป วางออนท็อปด้วยดอกไม้ที่สามารถรับประทานได้เพื่อเพิ่มความสวยงามในวันแห่งความรักอันสุดแสนวิเศษ
ด้วยความที่ใช้วัตถุดิบพรีเมียมและตั้งอยู่ในโรงแรมระดับ 5 ดาว แต่ราคาถือว่าเป็นมิตรกับกระเป๋าสตางค์อย่างมาก สำหรับผู้ที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่นสายไฟน์ไดนิ่งหรือโอมากาเสะ ถือว่าคุ้มค่ากับประสบการณ์ที่ได้รับ เพราะแต่ละคำปรุงอย่างใส่ใจ รายละเอียดมาก และเป็นเมนูที่ยากจะหาได้ในที่อื่น อย่างไรก็ดี เนื่องจากทางร้านมีจำนวนที่นั่งจำกัด โดยเฉพาะเคาน์เตอร์โอมากาเสะ ควรเผื่อเวลาสำหรับการจองล่วงหน้าไว้ด้วย พร้อมแจ้งข้อจำกัดทางหาร หากแพ้อาหารทะเลหรือไม่ทานวัตถุดิบบางชนิด ควรแจ้งล่วงหน้าเพื่อให้เชฟปรับเมนูได้ รวมถึงควรเช็กกับทางร้านหรือในเว็บไซต์ว่าช่วงที่กำลังจะไปมีวัตถุดิบพิเศษอะไรบ้าง เพราะเมนูอาจมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
“Hashiri Bangkok” ถือเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นระดับไฮเอนด์ที่โดดเด่นในด้านการสร้างสรรค์อาหาร โดยเชฟมากฝีมือเลือกใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลที่ดีที่สุด มาผนวกกับเทคนิคการปรุงแบบดั้งเดิมผสมสมัยใหม่ บรรยากาศที่ได้รับคือความหรูหรา อบอุ่น และประสบการณ์แห่งรสชาติที่ครบเครื่อง ทั้งด้านรสสัมผัส กลิ่นอาย และการนำเสนอ ไม่ว่าจะเป็นคนรักโอมากาเสะอยู่แล้ว หรืออยากลองสัมผัสประสบการณ์อาหารญี่ปุ่นฟิวชั่นระดับสูง ร้านนี้ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ควรค่าแก่การจดไว้ในลิสต์ สำหรับการเฉลิมฉลองโอกาสพิเศษหรือดินเนอร์ที่ต้องการความประทับใจแบบไม่รู้ลืม ใครกำลังมองหาที่สุดของโอมากาเสะฟิวชั่นเมนู จัดเต็มด้วยวัตถุดิบพรีเมียมและการบริการระดับ 5 ดาว “Hashiri Bangkok” เป็นสถานที่ที่คุณจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอนครับ โดยร้านเปิดทุกวัน ในช่วงเวลากลางวันตั้งแต่ 11.30 – 14.30 และอาหารเย็น ตั้งแต่ 18.00 – 22.00 น. สามารถติดต่อสำรองที่นั่งได้ที่ 02-6508800 หรือEmail: [email protected]
Kinandleisure.com กินแอนเลเชอร์ สื่ออาหารและการท่องเที่ยว ที่นำเสนอเกี่ยวกับ อาหาร และ การกินดื่ม รวมถึงการท่องเที่ยวและที่พัก ทั้งในส่วนของ รีวิว อาหาร สถานที่ กิน ดื่ม เที่ยว พัก ผ่อนคลาย ในทุกประเภทหมวดหมู่ โปรโมชั่น ส่วนลด เมนูใหม่ กิจกรรมพิเศษ ที่เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม บทความที่เกี่ยวกับการ กินดื่ม ไม่ว่าจะเป็น บทความกินดื่มทั่วๆไป อาทิ วิธีการ กินชีส และการดื่มไวน์ บทความการกินเพื่อสุขภาพ บทความการกินตามเทศกาล บทความสาธิตและสอนทำอาหาร สูตรทำอาหาร ข่าวสารในแวดวง การกิน ดื่ม คลิปและวีดิโอ เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม ท่านสามารถค้นหาร้านอาหารผ่านแถบค้นหาด้านบนสุดของเวปได้เพียงพิมพ์ชื่อร้าน หรือประเภทอาหาร และย่าน คิดถึงเรื่อง กิน ดื่ม คิดถึง Kinandleisure.com กินแอนเลเชอร์
รูปและเนื้อหาทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของทาง Kinandleisure.com ไม่อนุญาตให้นำไปใช้จนกว่าจะได้รับการอนุญาตจากทางผู้บริหาร หากฝ่าฝืนผู้บริหารพร้อมดำเนินคดีทางกฎหมายอย่างเด็ดขาด