Story : Nutthawat J / Photo : Pol.Capt. Kittin A.
สวัสดีทุกท่านมีชื่นชอบการรับประทานอาหารอย่างมีรสนิยมอีกครั้งครับ วันที่ ทาง Kinandleisure มีร้านอาหารดี ๆ มานำเสนออีกเช่นเคยครับ ในครานี้เป็นคิวของห้องอาหารจิมทอมป์สัน ห้องอาหารสุดมีคลาสใจกลางกรุง เมื่อรับชมพิพิธภัณฑ์เพลินๆ เสร็จเรียบร้อยแล้วก็สามารถแวะเวียนมาลิ้มลองอาหารของภัตตาคารแห่งนี้ได้ ซึ่งล่าสุดได้ข้อมูลมาว่าทางร้านมีการเปลี่ยนเชฟใหม่ ไฉไลกว่าเดิม จะเป็นอย่างไร เราลองมาดูกันเลยครับ
Location
ห้องอาหารจิมทอมป์สัน ตั้งอยู่ในย่านเขตปทุมวัน อยู่ถัดจากหอศิลป์บ้านจิมทอมสันไปนิดเดียว สามารถเดินทางมาได้โดยสะดวกด้วยการนั่งรถไฟฟ้ามาลงที่สถานีสนามกีฬาแห่งชาติ หรือสำหรับท่านที่เดินทางมาด้วยรถยนต์ ก็สามารถใช้ที่จอดรถที่หอศิลป์จิมทอมสันได้เช่นกัน โดยห้องอาหารอยู่ที่ชั้น 1 ซึ่งท่านสามารถขึ้นไปชั้น 2 เพื่อไปลองลิ้มชิมรสสุดยอดค็อกเทลจาก The O.S.S Bar Bangkok ได้เช่นกันครับ
Decoration
Vintage Classic เรียบหรูดูดีมีสไตล์ ไม่ต้องมีคำบรรยายเพิ่มเติมใดๆ ให้ลึกซึ้ง ซึ่งภาพจำที่ผมตราตรึงคือความประทับใจแรกตั้งแต่เข้าประตูมาแล้วเห็นโลโก้ของร้านที่จัดทำอย่างสวยงาม องค์ประกอบของแสง สี และโต๊ะภายในร้านทำให้เรารู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลามาในอดีต ในขณะที่มีความสะดวกสบายตามยุคสมัยของปัจจุบัน พร้อมให้ดื่มด่ำกันบรรยากาศแสง สี เสียง อย่างเป็นกันเอง ทั้งไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารกลางค่ำ หรือมื้อค่ำใต้แสงเทียน ก็สามารถดื่มด่ำกับบรรยากาศและรสอาหารสุดประทับใจ
ด้วยบรรยากาศทั้งครัวเปิด ที่ทำให้เห็นการวาดลวดลายการปรุงของเชฟได้ ดุจดั่งเวทีการแสดงของเชฟเป็นอย่างดี
อีกทั้งโซนนั่งด้านนอกอาคารที่ชมทัศนียภาพของบ่อบัวแสนสวย อาคารเรือนไทยดั่งเดิมของพิพิธภัณฑ์จิม อีกทั้งวิถีชีวิตชาวชุมชนริมคลองแสนแสบ
การตกแต่งภายในของ Jim Thompson A Thai Restaurant สะท้อนความงดงามและหรูหราในแบบไทยประยุกต์ ผสมผสานระหว่างความคลาสสิกของวัฒนธรรมไทยดั้งเดิมกับความร่วมสมัยได้อย่างลงตัว ภายในร้านถูกออกแบบอย่างพิถีพิถัน โดยใช้วัสดุที่บ่งบอกถึงความเป็นไทย เช่น ไม้สักและผ้าไหมที่เป็นเอกลักษณ์ของ Jim Thompson และการนำเลขไทยผสมผสานลงไปตามกำแพง เพดาน อีกทั้งโคมไฟ
โทนสีและแสง ถูกเลือกมาอย่างมีเสน่ห์ โดยใช้โทนสีเข้มอบอุ่นเพื่อสร้างบรรยากาศที่หรูหราและผ่อนคลาย ไฟสลัวๆ ที่ประดับอยู่ในโคมไฟสไตล์ไทยช่วยเพิ่มความโรแมนติกและลึกลับให้กับห้องอาหาร
Food
โดยเมนูอาหารที่ทางทีมงาน Kinandleisure ได้ลองชิม เป็นเมนูอาหารมื้อกลางวัน ฝีมือของเชฟเล็ก ที่ผ่านการทำงานในร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ 3 ดาวที่ฝรั่งเศสมาแล้ว หากท่านกำลังมองหามื้อกลางวันที่เต็มไปด้วยความอร่อยและรสชาติแบบไทยแท้ ทางร้าน Jim Thompson Thai Restaurant ก็ได้เตรียมเซ็ตเมนูอาหารกลางวัน
ที่มีอาหารไทยหลากหลายจานมาให้เลือกสรร โดยมีราคาอยู่ที่ 990++ บาทต่อคน ซึ่งรวมเมนูเริ่มต้นและเมนูหลักให้เลือกอย่างละหนึ่งจาน เรามาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรกันบ้าง
Signature Mocktails
มีให้เลือก 3 อย่าง ทั้ง WAAN Sayam เป็นเครื่องดื่มเรียกความสดชื่น ด้วยความที่มีทั้งน้ำแตงโมและน้ำแอปเปิ้ลเป็นส่วนผสม เป็นการดับกระหายเพื่อรอเปิดมื้ออาหารที่ดีอย่างยิ่ง หรือจะเป็น Tropical Thai Tranquility ที่จะเรียกความสดชื่อจากกลิ่นจากตัวมะพร้าวและไซรัปจากดอกมะลิ ตบท้ายด้วยความซ่าจากโซดา และ Jittery Cola Royale ที่ได้สัมผัสเหมือนเราดื่มโคล่าสมัยก่อนจริง ๆ รสชาติหวานกลมกล่อม มีกลิ่นกาแฟอย่างสัมผัสได้ เรียกความสดชื่น
เนื้อโคขุนไทย พันใบชะพลูย่างถ่าน
เนื้อโคขุนไทยพันใบชะพลูย่างถ่าน จานนี้คือการนำเสนอที่ลงตัวระหว่างวัตถุดิบท้องถิ่นไทยและเทคนิคการปรุงอาหารแบบดั้งเดิม ซึ่งได้รับการปรับแต่งให้ทันสมัยแต่ยังคงความเป็นไทยอย่างครบถ้วน เริ่มจากเนื้อโคขุนไทยคุณภาพสูงที่ถูกบดละเอียดอย่างพอเหมาะ ก่อนที่จะผ่านกระบวนการ Marinated เพื่อเพิ่มความเข้มข้นของรสชาติ เนื้อที่หมักไว้นี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายของเครื่องเทศที่คัดสรรอย่างดี เมื่อถูกนำมาพันกับ ใบชะพลู ที่มีกลิ่นหอมและรสชาติเฉพาะตัว ก่อนจะนำไป ย่างถ่าน อย่างพิถีพิถัน ทำให้เกิดความหอมกรุ่นที่ชวนให้นึกถึงการปรุงอาหารไทยแบบโบราณ
หลังจากย่างจนเนื้อสุกพอดี จานนี้ถูก ราดด้วยซอสมะขาม ที่มีรสเปรี้ยวอมหวาน เสริมด้วยการ โรยถั่ว เพื่อเพิ่มความกรุบกรอบและความกลมกล่อมให้กับจาน ซึ่งถั่วช่วยสร้างความสมดุลทั้งในด้านรสชาติและเนื้อสัมผัส
สิ่งที่ทำให้เมนูนี้น่าประทับใจคือการผสมผสานที่ลงตัวของ เนื้อที่นุ่มและหอม จากการย่างและการหมักเข้ากับรสหวานอมเปรี้ยวจากซอสมะขาม ความหอมของใบชะพลูที่ถูกเผาด้วยความร้อนจากถ่านสร้างกลิ่นที่ชวนหลงใหลทุกครั้งที่เคี้ยว เมื่อทุกอย่างมารวมกันในแต่ละคำที่ทาน ความลงตัวของรสชาติและเนื้อสัมผัสทำให้เมนูนี้เป็นจานที่น่าประทับใจและชวนให้สั่งซ้ำ เนื้อโคขุนไทยพันใบชะพลูย่างถ่าน นอกจากจะเป็นการนำเสนอวัตถุดิบที่เรียบง่าย แต่ทุกอย่างถูกปรุงอย่างพิถีพิถันและลงตัวจนทำให้รู้สึกอยากลองอีกครั้งในทันที
แสร้งว่าปลาทะเลประมงพื้นบ้าน มะนาวดองน้ำผึ้งป่า
แสร้งว่าปลาทะเลประมงพื้นบ้าน มะนาวดองน้ำผึ้งป่า เป็นเมนูที่สะท้อนถึงภูมิปัญญาไทยและการใช้วัตถุดิบท้องถิ่นอย่างคุ้มค่า โดยเฉพาะปลาทะเลที่ได้มาจากการประมงพื้นบ้าน ซึ่งมักเป็นปลาที่มีคุณภาพสูง สดใหม่ และมีรสชาติที่โดดเด่น ด้วยการคัดสรรวัตถุดิบจากแหล่งที่ยังคงความเป็นธรรมชาติ จานนี้จึงแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการใช้วัตถุดิบที่สดและคุณภาพดีในการสร้างรสชาติที่แท้จริง
ปลาทะเลถูกนำไปปรุงด้วยความพิถีพิถัน เนื้อปลามีความ นุ่ม หวานละมุน ที่เป็นเอกลักษณ์ของปลาทะเลสด เมื่อทานคำแรกจะสัมผัสได้ถึงความอร่อยธรรมชาติของปลา และกลิ่นหอมของทะเลที่ซ่อนอยู่ในทุกคำ
ที่น่าสนใจที่สุดคือการเสิร์ฟปลาคู่กับ น้ำยำสมุนไพร ที่ประกอบด้วยเครื่องเทศไทยหลากหลายชนิด ทั้งตะไคร้ ใบมะกรูด หอมแดง และพริก ทำให้จานนี้เต็มไปด้วยกลิ่นหอมและรสชาติที่ซับซ้อน น้ำยำมีรส เผ็ด เปรี้ยว และเข้มข้นด้วยความสดชื่นของสมุนไพร ผสมผสานกับความหวานกลมกล่อมจาก น้ำผึ้งป่า และ มะนาวดอง ซึ่งมะนาวดองถูกใช้เป็นตัวเพิ่มมิติของรสชาติให้กับจาน ด้วยความเปรี้ยวที่ไม่โดดเกินไป แฝงไปด้วยความหวานและเค็มบางๆ จากการดอง ทำให้การทานทุกคำรู้สึกได้ถึงรสชาติที่หลากหลายและสมดุลกันอย่างลงตัว
เมนูนี้ไม่เพียงแต่ให้ความรู้สึกสดชื่นจากรสชาติเข้มข้นของสมุนไพรและน้ำยำเท่านั้น แต่ยังเป็นจานที่เหมาะกับการทานในช่วงวันร้อนๆ เพราะช่วยกระตุ้นความสดชื่นระหว่างมื้ออาหารได้อย่างดี การจับคู่ปลาทะเลที่สดใหม่กับน้ำยำที่แฝงไปด้วยรสชาติอันหลากหลาย เป็นเมนูที่สร้างประสบการณ์การทานอาหารไทยที่เต็มไปด้วยความลงตัว ทั้งในเรื่องของรสชาติและความประณีตในแต่ละขั้นตอน
กระทงทอง
เป็นยำส้มโอใส่ในกระทงทอง ตัวกระทงมีความกรุบกรอบ มีเนื้อปลาที่รู้สึกได้และให้รสสัมผัสสดใหม่ ยำส้มโอสามารถเรียกความสดชื่นมาได้อย่างเป็นเปี่ยม ด้วยรูปร่างกระทัดรัดน่ารักพอดีคำ ทำให้สามารถทานได้เรื่อย ๆ
ม้าฮ่อ
เป็นม้าฮ่อที่ประกอบด้วยหัวไชโป๊ว ถั่วแมคคาเดเมีย และวัตถุดิบพิเศษ คือ หอยลาย และสัปปะรด ด้วยความที่มีหอยลายทำให้ได้รับความรู้สึกสดชื่น รสชาติหวานอมเปรี้ยวที่เกิดจากไชโป๊วและสัปปะรดมีความเข้ากันได้อย่างดีกับตัวหอยหลาย เป็นของเรียกน้ำย่อยที่ทานได้เรื่อยๆ ไม่มีเบื่อ และไม่เลี่ยน
ข้าวซอยเนื้อ
ข้าวซอยเนื้อ เมนูนี้เป็นการนำเสนออาหารพื้นบ้านภาคเหนือของไทยที่ผสมผสานวัฒนธรรมล้านนาและอาหารมุสลิมเข้าด้วยกันอย่างลงตัว จานนี้ถือเป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของการใช้วัตถุดิบคุณภาพสูงเพื่อยกระดับรสชาติของอาหารคลาสสิกในรูปแบบที่ทันสมัยและพรีเมียม
เริ่มจาก เส้นข้าวซอย ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของจาน เส้นข้าวซอยในจานนี้มีความเหนียวนุ่มพอดี เมื่อทานจะรู้สึกถึงความนุ่มละมุนและเคี้ยวง่าย เส้นกรุบกรอบที่เสิร์ฟด้านบนเพิ่มมิติของเนื้อสัมผัสให้มีความกรอบนอกนุ่มใน สร้างความสมดุลที่ลงตัวในแต่ละคำที่ทาน
สำหรับเนื้อวัวที่ใช้ในจานนี้ เลือกใช้ส่วน Brisket หรือเนื้อช่วงอก ซึ่งเป็นส่วนที่มีไขมันแทรกอยู่ตามเนื้อ ทำให้เนื้อมีความนุ่มและชุ่มฉ่ำ เมื่อเคี่ยวในน้ำซุปข้าวซอยจนเปื่อย เนื้อวัวนี้ให้รสชาติที่เข้มข้นและเนื้อละลายในปากได้อย่างน่าประทับใจ แต่ยังคงรักษาเนื้อสัมผัสที่หนึบหนับในทุกคำที่กัด
ซุปข้าวซอย ถือเป็นอีกหนึ่งความโดดเด่นของจานนี้ น้ำซุปมีความเข้มข้นและหอมกรุ่นจากกะทิและเครื่องเทศที่ปรุงอย่างพิถีพิถัน มีกลิ่นหอมของขิง กระเทียม หอมแดง และพริกที่ผ่านการโขลกละเอียด น้ำซุปนี้ให้รสชาติที่ กลมกล่อม ทั้งหวาน มัน เค็ม และเผ็ดอ่อน ๆ จากพริกผัดน้ำมัน ทำให้ทุกคำที่ทานรู้สึกถึงความละมุนและรสชาติที่ซับซ้อน
เครื่องเคียงที่เสิร์ฟมาคู่กัน เช่น ผักกาดดอง และมะนาวช่วยเพิ่มความสดชื่นและความเปรี้ยวเล็กน้อยให้กับจาน ทำให้เกิดการตัดกันของรสชาติอย่างสมดุล เมื่อบีบมะนาวและทานพร้อมกับน้ำซุปและเนื้อ จะได้รสชาติที่กลมกล่อมและมีมิติที่มากยิ่งขึ้น ข้าวซอยเนื้อ จานนี้เป็นเมนูที่ทานได้เพลิน ๆ ด้วยความลงตัวของเนื้อสัมผัสและรสชาติ รสชาติที่เข้มข้นของน้ำซุปและเนื้อที่นุ่มละมุน ผสมผสานกับความกรุบกรอบของเส้นและความสดชื่นจากเครื่องเคียง ทำให้คุณทานจนหมดจานโดยไม่รู้ตัว
ผัดไทกุ้ง
เป็นผัดไทยเมืองจันท์ โดยมีจุดเด่นคือการใช้เส้นสด ซึ่งจะมีความเด้งมากกว่า และมีจุดเด่นด้วยการเสิร์ฟพร้อมกุ้งแม่น้ำตาปีเผาถ่าน ซึ่งการเผ่าถ่านนี่ล่ะที่เป็นตัวสร้างความแตกต่าง ทำให้เราได้รับกลิ่นจากตัวกุ้งชัดเจน วิธีทานให้น้ำมันกุ้งมาคลุกกับตัวเส้น บีบราดมะนาวแล้วรับประทาน รสชาติจากมันปูทำให้ผัดไทจากนี้มีความพิเศษ เพียบพร้อมทั้งรสชาติและรสสัมผัส มีความเป็นไทยแท้
ข้าวผัดผงกระหรี่ เนื้อปูม้าอ่าวไทย
เป็นข้าวผัดสับปะรด แต่เพิ่มความพิเศษด้วยการใส่ผงกระหรี่เพื่อเพิ่มความหอมกลมกล่อม ประกอบด้วยส่วนผสมหลากหลาย ทั้งถั่ว หอมใหญ่ สตอรวเบอร์รี่ พริกหวาน ตัวข้าวและทั้งจานสามารถสัมผัสได้ถึงไอกระทะที่สดกลิ่นหอมได้อย่างชัดเจน สามารถทานคู่กับทุกจานได้ หรือจะทานเดี่ยว ๆ ก็สร้างประสบการณที่น่าประทับใจเช่นกัน
ส้มฉุน เชอร์เบทน้ำผึ้งโยเกิร์ต
ปิดท้ายความอร่อยด้วยเมนูส้มฉุน แบบ Reconstructed ที่มาพร้อมกับไอศรีมเชอร์เบทน้ำผึ้งโยเกิร์ต ตัวส้มฉุนเป็นอาหารคลายร้อนตั้งแต่สมัยไทยโบราณ ซึ่งสำหรับจานนี้ได้ใส่ผลไม้ตามฤดูกาลมามากมาย ทั้ง ส้มโอ สัปปะรด ลิ้นจี่ รวมถึงได้รสสัมผัสหอม ๆ ของขิงอีกนิดหน่อย เป็นอาหารจานที่เรียบความสดชื่อได้อย่างเต็มเปี่ยม เป็นอาหารมื้อเที่ยงที่น่าประทับใจ
สำหรับท่านที่สนใจมาร่วมสัมผัสประสบการณ์ทางอาหารโดยเครือจิม ทอมป์สัน ทางห้องอาหารจิม ทอมป์สัน ตลอดจนร้านอื่นๆ ในเครือ ยินดีต้อนรับด้วยใจรักอย่างเต็มที่ โดยสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ 061-421-8951 ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.30 – 16.30 สำหรับมื้อเที่ยง และ 18.00-23.00 น. สำหรับมื้อเย็น ซึ่งระหว่างนี้ทางร้านอาหารน่าจะมีเมนูใหม่ ๆ มานำเสนอเรื่อยๆ จากฝีมือเชฟคนใหม่ครับ แนะนำว่าไม่ควรพลาด
KinAndLeisure.com
Kinandleisure.com กินแอนเลเชอร์ สื่ออาหารและการท่องเที่ยว ที่นำเสนอเกี่ยวกับ อาหาร และ การกินดื่ม รวมถึงการท่องเที่ยวและที่พัก ทั้งในส่วนของ รีวิว อาหาร สถานที่ กิน ดื่ม เที่ยว พัก ผ่อนคลาย ในทุกประเภทหมวดหมู่ โปรโมชั่น ส่วนลด เมนูใหม่ กิจกรรมพิเศษ ที่เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม บทความที่เกี่ยวกับการ กินดื่ม ไม่ว่าจะเป็น บทความกินดื่มทั่วๆไป อาทิ วิธีการ กินชีส และการดื่มไวน์ บทความการกินเพื่อสุขภาพ บทความการกินตามเทศกาล บทความสาธิตและสอนทำอาหาร สูตรทำอาหาร ข่าวสารในแวดวง การกิน ดื่ม คลิปและวีดิโอ เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม ท่านสามารถค้นหาร้านอาหารผ่านแถบค้นหาด้านบนสุดของเวปได้เพียงพิมพ์ชื่อร้าน หรือประเภทอาหาร และย่าน คิดถึงเรื่อง กิน ดื่ม คิดถึง Kinandleisure.com กินแอนเลเชอร์
รูปและเนื้อหาทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของทาง Kinandleisure.com ไม่อนุญาตให้นำไปใช้จนกว่าจะได้รับการอนุญาตจากทางผู้บริหาร หากฝ่าฝืนผู้บริหารพร้อมดำเนินคดีทางกฎหมายอย่างเด็ดขาด