ในโลกแห่งอาหารที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์แห่งรสชาติและประวัติศาสตร์ ไม่มีเมนูฤดูร้อนใดจะเป็นที่ปรารถนาไปมากกว่าข้าวแช่ อาหารไทยชาววังที่ถือกำเนิดจากการผสมผสานวัฒนธรรมมอญและไทย นำพาความสดชื่นและความประณีตบรรจงมาสู่สำรับของชนชั้นสูง ก่อนที่ต่อมาจะกลายเป็นหนึ่งในอาหารชั้นสูงที่ทรงคุณค่าที่สุดของสยาม

ปี 2568 ห้องอาหาร มาริ กีมาร์ โรงแรม Wyndham Bangkok Queen Convention Center ได้นำเสนอ “ข้าวแช่ตำรับ มาริ กีมาร์” ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก ตำรับวังวรดิศ อันเลื่องชื่อ ภายใต้ฝีมือของ เชฟปิ๊ก คณิน สินพันธ์ ผู้รังสรรค์เมนูนี้ด้วยความวิจิตรบรรจง ผสานกรรมวิธีโบราณกับองค์ประกอบร่วมสมัยให้กลายเป็นประสบการณ์แห่งรสชาติที่หรูหรา คงไว้ซึ่งจิตวิญญาณของข้าวแช่ดั้งเดิม แต่ขับเน้นความละเมียดละไมในแบบเฉพาะตัว
ข้าวแช่: มรดกแห่งสยาม อาหารแห่งฤดูร้อน

ข้าวแช่มีรากเหง้าลึกซึ้งในประวัติศาสตร์ไทย ย้อนกลับไปถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากชาวมอญในบริบทของพิธีกรรมทางศาสนา เดิมทีข้าวแช่ถือเป็นอาหารเซ่นไหว้ที่ถวายแด่บรรพบุรุษในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ก่อนที่กาลเวลาจะนำพาเมนูนี้เข้าสู่รั้วในวัง และพัฒนาเป็นศิลปะการปรุงอาหารที่ต้องอาศัยความละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง

ตำรับวังวรดิศ เป็นหนึ่งในสูตรข้าวแช่ที่ได้รับการกล่าวขานมากที่สุด ด้วยกรรมวิธีที่ประณีตและการเลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพสูง ข้าวต้องเรียงเมล็ดงดงาม ไม่เละหรือแฉะ แช่ในน้ำอบควันเทียนที่หอมละมุนจากดอกไม้ไทย เครื่องเคียงแต่ละชนิดต้องผ่านการปรุงแต่งด้วยความใส่ใจ ผสมผสานกันจนเกิดเป็นสำรับที่สมบูรณ์แบบ
แตงโมปลาแห้ง
แตงโมปลาแห้ง: ความสดชื่นแห่งฤดูร้อน และเกร็ดประวัติศาสตร์จากสำรับชาววัง
ในทุกสำรับชาววัง เมนูเรียกน้ำย่อยมักมิใช่เพียงแค่อาหาร หากแต่เป็นการแสดงออกถึง ภูมิปัญญาและศิลปะแห่งการกิน ที่ได้รับการขัดเกลาให้ประณีตพิถีพิถันผ่านกาลเวลา และ แตงโมปลาแห้ง ก็เป็นหนึ่งในจานต้นสำรับที่สะท้อนความวิจิตรของอาหารไทยโบราณได้อย่างชัดเจน

เมื่อจานนี้มาถึงโต๊ะ สิ่งแรกที่สะดุดตาคือ แตงโมสีแดงฉ่ำ เนื้อแน่นแต่แฝงความกรอบอ่อนๆ ถูกหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ พักอยู่บนจานกระเบื้องเคลือบลายครามที่สะท้อนถึงรสนิยมอันละเมียดละไม สีแดงสดของแตงโม ตัดกับสีน้ำตาลทองของปลาแห้งที่ถูกโขลกจนละเอียด ละอองปลาแห้งร่วนหอมโรยตัวลงมาบนเนื้อแตงโม ราวกับเกล็ดน้ำค้างต้องแสงอรุณ เม็ดงาขาวคั่วหอมและน้ำตาลโตนดถูกผสมลงไปอย่างบรรจง เพิ่มรสชาติให้กลมกล่อมขึ้นอย่างแนบเนียน
🍉 รากเหง้าของแตงโมปลาแห้ง: จากสำรับชาววัง สู่ครัวไทยโบราณ
แตงโมปลาแห้ง ไม่ใช่อาหารที่พบเห็นได้บ่อยในยุคปัจจุบัน หากแต่เคยเป็นเมนูสำคัญในราชสำนัก และบ้านขุนนางผู้สูงศักดิ์ในสมัยกรุงศรีอยุธยา และรุ่งเรืองที่สุดในช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ตำรับนี้เป็นตัวแทนของความชาญฉลาดในครัวไทย ที่รู้จักผสานรสชาติของสิ่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง—ความหวานเย็นฉ่ำของแตงโม และความเค็มหอมของปลาแห้ง—ให้กลายเป็นรสสัมผัสอันพิเศษ

แต่เดิมนั้น ปลาแห้ง ที่ใช้ในตำรับชาววังจะต้องทำจากปลาช่อนทะเลหรือปลายี่สกขนาดใหญ่ นำมาย่างไฟจนหอม ก่อนจะตากแดดและโขลกจนเป็นผงละเอียด ผสมกับน้ำตาลโตนดแท้จากเพชรบุรี และคลุกเคล้ากับงาขาวคั่วเพื่อเพิ่มกลิ่นหอมอ่อนๆ เมื่อโรยลงบนแตงโมเย็นจัดที่แช่ในน้ำแข็งจากน้ำฝนบริสุทธิ์ รสสัมผัสที่ได้รับคือ ความเย็นสดชื่น ความหวานฉ่ำที่เจือรสเค็มละมุน ตามด้วยกลิ่นหอมบางเบาของปลาแห้งและงา
ในอดีต แตงโมปลาแห้งเป็นเมนูที่ถูกคิดค้นขึ้นเพื่อรับประทานในฤดูร้อน โดยเฉพาะสำหรับเจ้านายและบรรดาขุนนางที่ต้องการคลายร้อนหลังจากใช้เวลานานในพระราชวัง รัชกาลที่ 5 เองก็ทรงโปรดเมนูนี้เป็นพิเศษ และเคยมีการบันทึกว่า เป็นอาหารที่ใช้รับรองแขกบ้านแขกเมืองในวังสวนสุนันทา

แตงโมปลาแห้งในตำรับมาริ กีมาร์: ตีความใหม่ให้ร่วมสมัย แต่ยังคงรากเหง้าแห่งรสชาติ
แม้จะเป็นเมนูเก่าแก่ที่หาได้ยากในปัจจุบัน แต่ เชฟปิ๊ก คณิน ได้หยิบยกแตงโมปลาแห้งกลับมาสู่สำรับไทยอีกครั้ง โดยรักษาคุณค่าทางประวัติศาสตร์และรสชาติแบบดั้งเดิม แต่ปรับแต่งรายละเอียดให้ร่วมสมัยและลงตัวกับรสนิยมของผู้รับประทานยุคใหม่
- แตงโม ที่ใช้เป็นพันธุ์ที่มีเนื้อแน่นพิเศษ ปลูกในพื้นที่ที่มีดินทรายชุ่มน้ำ ทำให้ได้รสชาติหวานฉ่ำกว่าปกติ และถูกแช่เย็นจนได้อุณหภูมิพอดี ไม่แข็งเกินไป แต่เย็นสดชื่น
- ปลาแห้ง ปรุงขึ้นจากปลาช่อนทะเลแท้ ที่ผ่านการรมควันด้วยไม้จันทน์หอม ก่อนจะถูกตากจนแห้งสนิทและนำมาโขลกด้วยครกหิน เพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่ละเอียดนุ่มและกลิ่นหอมอ่อนๆ ของควันไฟ
- น้ำตาลโตนด ที่ใช้เป็นของแท้จากเพชรบุรี ตำรับชาววังจะต้องเคี่ยวให้ข้นกำลังดี ให้ความหวานนวลและมีกลิ่นหอมอ่อนๆ
เมื่อรับประทานคำแรก ความเย็นฉ่ำของแตงโมจะปลุกความสดชื่นให้เบ่งบานในปาก ตามมาด้วยรสเค็มอ่อนๆ ของปลาแห้ง ที่แทรกตัวขึ้นมาอย่างแนบเนียน ความหอมของงาขาว และรสหวานละมุนจากน้ำตาลโตนดช่วยผสานทุกอย่างเข้าด้วยกันอย่างกลมกล่อม
นี่คือเมนูที่ ทำให้เราหวนคิดถึงรสชาติของอดีต และเป็นบทพิสูจน์ว่า อาหารไทยชาววังมิใช่เพียงศาสตร์แห่งการปรุงอาหาร แต่เป็นศิลปะแห่งรสนิยม ที่ถูกส่งผ่านกาลเวลามาสู่ปัจจุบัน
แตงโมปลาแห้งตำรับมาริ กีมาร์ มิใช่เพียงแค่เมนูเรียกน้ำย่อย แต่เป็นเสมือนบทโหมโรงของบทกวีแห่งฤดูร้อน ที่ชวนให้หลงใหลในรสสัมผัสของวังเก่า ที่ยังคงโลดแล่นอยู่ในสำรับไทยยุคใหม่

มาริ กีมาร์ ได้นำเอาเสน่ห์ของตำรับนี้มารังสรรค์ใหม่ ด้วยการเลือกใช้ ข้าวพันธุ์พิเศษ เครื่องปรุงระดับพรีเมียม และกรรมวิธีร่วมสมัย เพื่อให้ได้ข้าวแช่ที่มีรสชาติละมุนละไม หอมละมุน และกลมกล่อมที่สุด

ข้าวแช่ตำรับ มาริ กีมาร์: บรรจงรังสรรค์ด้วยศิลปะชาววัง

🌿 ข้าวพันธุ์เจ๊กเชยกาบใบสีม่วง: หัวใจของข้าวแช่

หัวใจของข้าวแช่ตำรับมาริ กีมาร์ คือ ข้าวพันธุ์เจ๊กเชยกาบใบสีม่วง จาก อำเภอหนองแซง จังหวัดสระบุรี ข้าวสายพันธุ์นี้ขึ้นชื่อเรื่องเมล็ดที่เรียวยาว สีขาวใส ขัดจนขึ้นเงางาม เมื่อหุงแล้วจะเรียงตัวสวยงาม เนื้อสัมผัสแน่นแต่นุ่มละมุน กรรมวิธีการหุงข้าวนั้นเป็นไปอย่างพิถีพิถัน โดยใช้เทคนิคดั้งเดิมของข้าวแช่ชาววัง หุงสองน้ำ แล้วนำไป อบควันเทียน อย่างน้อย 8 ชั่วโมง จนมีกลิ่นหอมกำจาย ก่อนนำไปแช่ใน น้ำลอยดอกไม้ไทยแท้ ที่ผ่านกระบวนการคัดสรรและควบคุมกลิ่นให้หอมสดชื่นแต่ไม่ฉุนจนเกินไป

น้ำลอยดอกไม้ที่ใช้ในปีนี้ประกอบด้วย
- ดอกมะลิซ้อน จากเพชรบุรี ให้กลิ่นหอมเย็นบริสุทธิ์
- กุหลาบมอญ จากราชบุรี มีกลิ่นหอมหวานละมุน
- ชมนาด จากสวนสมุนไพรโบราณ ให้ความหอมอ่อนโยนคล้ายใบเตย

แหล่งน้ำแร่แห่งนี้เป็น ตาน้ำโบราณที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ณ ลาดหลุมแก้ว ซึ่งไหลผ่านชั้นหินแร่บริสุทธิ์ ทำให้ได้น้ำที่มีแร่ธาตุสำคัญ และมีรสชาติที่นุ่มนวล สดชื่น เมื่อนำมาใช้ทำน้ำลอยดอกไม้ จะช่วยให้เมล็ดข้าวคงรูปสวยงามและมีกลิ่นหอมตามธรรมชาติ

🍽 เครื่องเคียง 7 ชนิด: ศิลปะบนสำรับ





ข้าวแช่ตำรับมาริ กีมาร์มาพร้อมเครื่องเคียง 7 ชนิด ที่ผ่านการรังสรรค์อย่างพิถีพิถัน โดยเน้นวัตถุดิบพรีเมียมจากแหล่งที่ดีที่สุดทั่วไทย
- ลูกกะปิทอด – กะปิอย่างดีจากจังหวัดตราด คลุกเคล้ากับปลาช่อนย่างและสมุนไพร ปั้นเป็นก้อนกลมแล้วนำไปทอดจนกรอบนอก นุ่มใน
- หอมแดงสอดไส้ปลาสลิดซอย – หอมแดงจากศรีสะเกษ ยัดไส้ด้วยปลาสลิดบางบ่อที่นำไปผัดจนแห้ง แล้วทอดจนกรอบหอม
- พริกหยวกสอดไส้หมูสับ – พริกหยวกจากราชบุรี ยัดไส้ด้วยหมูสับปรุงรส ผสมสมุนไพร แล้วนำไปทอดจนกรอบนอก นุ่มใน
- ปลาแห้งแตงเดียว – ปลาช่อนทะเลโขลกละเอียด ผัดกับน้ำตาลโตนดและหอมเจียวจนได้รสหวานเค็มกลมกล่อม
- หัวไชโป๊วผัดน้ำตาลโตนด – หัวไชโป๊วจากเพชรบุรี ผัดกับน้ำตาลโตนดแท้จนรสชาติกลมกล่อม
- หมูฝอยเส้นบาง – หมูสามชั้นรมควัน ก่อนนำไปฉีกเป็นเส้นบาง ทอดจนกรอบและคลุกกับน้ำตาลมะพร้าว
- ไข่เค็มชุบแป้งทอด – ไข่เค็มเป็ดจากนครปฐม ชุบแป้งสูตรพิเศษและทอดจนกรอบนอก นุ่มใน


ของหวาน: ขนมสี่ถ้วย – ตำนานแห่งความรักขนมสี่ถ้วย: หวานละมุนดุจวรรณคดี สะท้อนวัฒนธรรมแห่งรักแท้
หากข้าวแช่คืออัญมณีแห่งฤดูร้อน ขนมสี่ถ้วย ก็คงเปรียบดั่งบทกวีแห่งความรักที่ถูกถ่ายทอดผ่านรสสัมผัสอันละมุนละไม และกลิ่นหอมอ่อนโยนดุจสายลมที่พัดผ่านในยามค่ำคืน นี่คือขนมโบราณที่ปรากฏอยู่ในวิถีชีวิตไทยมายาวนาน ตั้งแต่ครั้งแผ่นดินพระร่วง จวบจนรุ่งอรุณแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ นับเป็นหนึ่งในขนมที่ผูกพันกับวัฒนธรรมงานวิวาห์ สะท้อนถึงสายใยแห่งรักและคำอวยพรที่บรรพชนส่งผ่านรสหวานของน้ำกะทิและความเหนียวนุ่มของข้าวเหนียว

ในอดีต ผู้ที่ได้รับเชิญให้มาร่วมงานแต่งงานมักจะกล่าวคำว่า “ไปกินสี่ถ้วย” เพื่อบอกกล่าวแก่กันว่านี่คือการเดินทางไปสู่พิธีมงคลสมรสของคู่บ่าวสาว เพราะขนมสี่ถ้วยไม่ได้เป็นเพียงของหวาน แต่เป็นเครื่องหมายแห่งพรอันงดงาม สื่อถึงการครองคู่ที่ยืนยาว และความรักที่แน่นแฟ้น

ขนมสี่ถ้วยประกอบไปด้วยสี่รสสัมผัส สี่ความหมาย ซึ่งถูกนำมาจัดวางอย่างวิจิตรในสำรับข้าวแช่ของ มาริ กีมาร์ เสมือนเป็นบทสรุปอันสมบูรณ์ของมื้ออาหารที่ผ่านการรังสรรค์ด้วยหัวใจ
🍃 ไข่กบ: ร่ำรวยบุตรหลาน บ้านเรือนรุ่งเรือง

เม็ดไข่กบ หรือเม็ดแมงลักอันใสแจ๋วเมื่อแช่ในน้ำ ราวกับหยดน้ำค้างที่หล่นลงบนกลีบดอกไม้ในรุ่งอรุณ หมายถึงคำอวยพรให้ชีวิตคู่เปี่ยมด้วยความสมบูรณ์พูนสุข มีลูกเต็มบ้าน มีหลานเต็มเมือง ดุจดังสายน้ำที่ไหลรินอย่างไม่รู้จบ ในตำรับมาริ กีมาร์ ไข่กบเสิร์ฟในน้ำลำไยอุ่นหอม ที่เคี่ยวด้วยน้ำตาลโตนดแท้ ให้รสหวานละมุนและความหอมอบอวล
🍃 นกปล่อย: รักราบรื่น ดุจนกโบยบินไปสู่ฟ้า
ลอดช่องไทย เส้นสีเขียวอ่อนละมุนราวหยกอ่อน เปรียบดั่ง นกปล่อย ที่สื่อถึงชีวิตคู่ที่ร่มเย็นและราบรื่น ไร้ซึ่งอุปสรรค ลอดช่องตำรับนี้ถูกทำขึ้นจากแป้งข้าวเจ้าคัดพิเศษ ผสมกับใบเตยหอมบดสด นวดและรีดจนได้เส้นที่เหนียวนุ่ม สัมผัสเบา แต่ละลายในปาก เสิร์ฟพร้อมกะทิสดที่เคี่ยวจนข้นหอมมัน
🍃 นางลอย: รักอันเบ่งบาน งามดั่งดอกไม้อ่อนช้อย
เม็ดข้าวตอกลอยอยู่บนผืนน้ำ เปรียบเสมือนดอกไม้ที่เบ่งบานในวสันต์ฤดู สื่อถึงความรักที่งอกงาม ดุจดั่งหญิงสาวที่ผลิบานในวัยแรกแย้ม ข้าวตอกที่ใช้ต้องเป็นข้าวตอกมะลิพันธุ์ดี คั่วจนแตกออกเป็นดอกขาวบริสุทธิ์ โรยลงในน้ำลอยดอกไม้ไทยที่อบควันเทียนหอมกรุ่น ให้กลิ่นรัญจวนจับใจ
🍃 อ้ายตื้อ: รักเหนียวแน่น ไม่เสื่อมคลาย
ข้าวเหนียวดำ สื่อถึงสายสัมพันธ์อันมั่นคง เหนียวแน่น ไม่แปรเปลี่ยนตามกาลเวลา ข้าวเหนียวที่ใช้ผ่านการคัดสรรเป็นพิเศษจากแหล่งปลูกที่ดีที่สุดในเชียงราย นึ่งจนได้นุ่มละมุน ก่อนจะนำไปคลุกเคล้ากับกะทิสดและน้ำตาลโตนด ให้รสหวานนวลและหอมมัน เคียงคู่มากับไอศกรีมกะทิหอมเย็น ที่มาริ กีมาร์สร้างสรรค์ขึ้นมาแทนน้ำกะทิแบบดั้งเดิม เพื่อให้ได้รสสัมผัสที่สดชื่นและทันสมัย

บทกวีแห่งรสชาติ: ปิดท้ายมื้ออาหารด้วยความหอมหวานอันเป็นนิรันดร์
เมื่อช้อนแรกของขนมสี่ถ้วยสัมผัสปลายลิ้น รสสัมผัสอันหลากหลายแต่กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวก็เผยออกมาดั่งบทกวีที่บรรจงรจนา ทุกคำที่ตักขึ้นมาคือรอยอดีตที่ถักทอด้วยฝีมือและหัวใจของเชฟ ความหวานละมุนของกะทิ ความหอมของดอกไม้ไทย และเนื้อสัมผัสที่นุ่มนวลล้วนสะท้อนถึงวัฒนธรรมไทยอันลึกซึ้ง ที่เคยสืบทอดมาในสำรับชาววัง และยังคงอยู่จวบจนปัจจุบัน

นี่มิใช่เพียงของหวาน แต่คือ สัญลักษณ์ของรักแท้ ที่ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ดุจดังข้าวแช่ตำรับมาริ กีมาร์ ที่หลอมรวมความเก่าแก่เข้ากับความร่วมสมัยอย่างงดงาม

และเมื่อคำสุดท้ายละลายลงในปาก กลิ่นหอมสุดท้ายจางไปในอากาศ สิ่งที่หลงเหลืออยู่คือความประทับใจ ที่มิอาจลบเลือนไปตามกาลเวลา…
เชฟได้นำเสนอขนมสี่ถ้วยในรูปแบบร่วมสมัย โดยใช้น้ำกะทิจากน้ำตาลโตนดแท้ เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมกะทิสด ให้รสชาติที่หวานมันกลมกล่อม
ประสบการณ์ที่หรูหราและเหนือระดับ
ข้าวแช่ตำรับมาริ กีมาร์ไม่เพียงแต่ให้รสชาติที่เป็นเลิศ แต่ยังมอบประสบการณ์สุดพิเศษ ผ่านห้องอาหารที่ตกแต่งอย่างสวยงามและมีทัศนียภาพกรุงเทพมุมสูงที่งดงาม
💎 ให้บริการเฉพาะที่ร้านเท่านั้น ราคา 959++ บาท
📍 โรงแรม Wyndham Bangkok Queen Convention Center
📅 สำรองที่นั่งล่วงหน้าได้แล้ววันนี้
📞 ติดต่อ 090-234-5822