Chef : Mark Hagenbach : 04 2023
Story : Dr.Athiwat T. / Photo : Pol.Capt. Kittin A
La Brace

ที่ตั้งร้าน: โครงการ Earth Ekkamai สุขุมวิท 63
ร้าน La Brace ตั้งอยู่ใน community mall ที่รวมแหล่งอาหาร premium ใจกลางเมือง ซึ่งร้าน La Brace ก็เป็นร้านที่ concept มุ่งเน้นเสิร์ฟอาหารที่ทำจากวัตถุดิบระดับ premium ตาม concept ของโครงการ โดยมีจุดเด่นคือ เรื่องของความพิถีพิถันในการคัดสรรวัตถุดิบที่เน้นว่าจะต้องเป็นที่สุดของที่สุด นำเข้าจากแหล่งผลิตต้นกำเนิดเท่านั้น และ ขายในราคาที่หาที่อื่นไม่ได้ เพราะเจ้าของร้าน La Brace เป็นผู้คัดสรรและนำเข้าด้วยตัวเอง ร่วมกับความมุ่งมั่นที่อยากให้ลูกค้าได้รับของที่ดีที่สุด ทำให้การันตีราคาที่สมเหตุสมผลอย่างแน่นอน

ใครที่กำลังมองหาร้านอาหารที่ใช้วัตถุดิบคุณภาพชั้นยอด รวมถึงรสชาติอาหารที่เมื่อได้ลิ้มลองแล้วมีความสุขในทุกคำที่รับประทาน และมาพร้อมกับราคาที่สมเหตุสมผล “ลา บาเช่” กริลล์เฮ้าส์แอนด์ไวน์บาร์ (La Brace Grill House & Wine Bar) มีระดับเปิดใหม่ที่ เอิร์ธเอกมัย (Earth Ekamai) ไลฟ์สไตล์มอลล์ล่าสุดบนถนนเอกมัย คือ คำตอบที่เหล่ากูร์เมต์คนรักอาหารทั้งนักชิมและนักดื่มในยุคนี้ สามารถสัมผัสและเข้าถึงได้อย่างแท้จริง
Kinandleisure

“La Brace” เป็นภาษาอิตาเลียน หมายถึง “ถ่านที่กำลังคุ” สื่อถึงร้านอาหารที่ให้ความสำคัญกับการย่างหรือกริลล์ด้วยเตาถ่าน ดังนั้นร้าน “ลา บาเช่” ที่ Earth Ekamai จึงเป็นกริลล์เฮ้าส์ที่ภูมิใจนำเสนออาหารสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนรูปแบบแคชชวลไฟน์ไดนิ่ง (Casual Fine Dining) ที่เน้นการกริลล์หรือการย่างด้วยเตาถ่าน ตัวเตาได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษ สะอาด ถูกสุขอนามัย ใช้ถ่านที่ผลิตจากไม้คุณภาพดีในการย่าง และมีทีมเชฟที่ชำนาญการย่าง สามารถย่างเนื้อวัวเกรดพรีเมียมจากส่วนต่างๆ ของวัวที่มีขนาดและความหนาที่แตกต่างกันให้ได้ทั้งรสชาติ ความอร่อย และความสุกตามระดับที่ต้องการ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์และวิถีการรับประทานอาหารของเหล่ากูร์เมต์ยุคดิจิทัลได้อย่างสมบูรณ์แบบ

“ลา บาเช่” ให้ความสำคัญในเรื่องวัตถุดิบคุณภาพสูงเป็นลำดับแรก อาทิ เนื้อวัวเกรดพรีเมี่ยมจากออสเตรเลียแบรนด์เก่าแก่และมีชื่อเสียงอย่าง Westholme และ Stockyards ซี่โครงแกะจากแบรนด์ Ambassador, ซีฟู้ดจากแหล่งผลิตที่มีชื่อเสียงทั่วโลกทั้งยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย และเอเซีย, เส้นพาสต้าจาก De Cecco แบรนด์คุณภาพอันดับ 1 ของอิตาลี, ชีสหลากหลายชนิดจาก President แบรนด์ดังของฝรั่งเศส รวมถึงวัตถุดิบอื่นๆ อาทิ ผักและผลไม้สดใหม่ ใช้หมุนเวียนตามฤดูกาลที่ดีที่สุด ทุกอย่างได้รับการคัดสรรและสั่งตรงมาจากทั่วทุกมุมโลกโดย คุณพัชรินทร์ เหมอังกูร หรือ คุณจ้อ กรรมการผู้จัดการ บริษัท กูร์เมท์ วัน ฟู้ดส์ เซอร์วิส (ประเทศไทย) ผู้นำเข้าวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ในการทำอาหารระดับพรีเมี่ยมเจ้าใหญ่ของเมืองไทย และเป็นหนึ่งในหุ้นส่วน “ลา บาเช่”

เมื่อมีวัตถุดิบสุดยอด ก็ต้องมีเชฟฝีมือดีที่มีความรู้ ความเข้าใจ สามารถนำวัตถุดิบแต่ละชนิดมาปรุงเป็นเมนูอร่อยที่โชว์คุณภาพของวัตถุดิบ เรื่องนี้ คุณจ้อที่ทำงานคลุกคลีกับโรงแรมระดับ 5 ดาว และร้านอาหารประเภทไฟน์ไดนิ่งในเมืองไทยมากว่า 20 ปี ตัดสินใจจับมือกับ มาร์ค เฮเก็นแบ็ค (Mark Hagenbach) อดีตเชฟใหญ่ชาวออสเตรเลียที่มีประสบการณ์ในการทำงานกับโรงแรมดังๆ รวมทั้งโรงแรม แกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ (Grand Hyatt Erawan Bangkok) มาเป็นผู้รังสรรค์อาหารทุกเมนูให้ “ลา บาเช่” เพื่อสร้างความประทับใจให้กับทุกคนที่ได้ลิ้มรส

“มาร์คเป็นหนึ่งในเชฟเบอร์ต้นๆ ที่ทำอาหารแบบใส่ใจในรายละเอียดของวัตถุดิบ และผลิตภัณฑ์อาหารอย่างจริงจัง ทุกอย่างต้องได้มาตรฐาน เป็นเชฟที่เลือกสรรมากๆ ถ้าเป็นวัตถุดิบจากเมืองไทย เช่น ผักออแกนิคก็ต้องมาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ด้านการปรุงอาหาร เชฟพิถีพิถันทุกจานทุกรายละเอียด และไม่ใช่เป็นแบบเชฟสมัยใหม่ที่ทำอะไรเป็นโฟม เป็นฟอง กินอย่างละนิดๆ หน่อยๆ เชฟมาร์คยังชอบสไตล์การทำอาหารแบบเฮฟวี่ อิ่มอร่อย แต่สวย เชฟพูดเสมอว่า อาหารจะอร่อยต้องเริ่มที่วัตถุดิบคุณภาพ เชฟมีหน้าที่ทำให้คุณภาพของวัตถุดิบนั้นโดดเด่นยิ่งขึ้น ด้วยเทคนิคการปรุงที่รักษาคุณภาพนั้นไว้ให้อร่อย” คุณจ้อที่เป็นทั้งผู้ป้อนวัตถุดิบและเป็นทั้งเพื่อนกล่าวถึงเชฟมาร์ค

La Brace Vibes

การตกแต่งร้านเป็นสไตลตกแต่งภายในสไตล์อินดัสเทรียล เมื่อก้าวเข้าสู่ร้าน คุณจะถูกพาเข้าสู่โลกแห่งเสน่ห์แบบชนบทและความทันสมัย การตกแต่งภายในสไตล์อินดัสเทรียลซึ่งผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างวัสดุดิบที่ไม่ผ่านการขัดเงาและสัมผัสแบบร่วมสมัยที่ทันสมัย สร้างบรรยากาศที่ทั้งเชิญชวนและน่าตื่นเต้น

กำแพงอิฐเปลือย คานโลหะสีดำขนาดใหญ่ และผิวไม้ที่ดูดิบเป็นธรรมชาติ ผนังกระจก ผสมผสานกันเพื่อสร้างรูปลักษณ์แบบอินดัสเทรียลที่แข็งแรงทนทาน ซึ่งทั้งล้ำยุคและสง่างาม เพดานสูง หน้าต่างบานใหญ่ และแสงธรรมชาติส่องเข้ามาอย่างเต็มที่ ทำให้พื้นที่สว่าง โปร่งสบาย เหมาะสำหรับการรับประทานอาหารกับเพื่อนและครอบครัว

แต่ไม่ใช่แค่ความสวยงามเท่านั้นที่ทำให้เตาปิ้งย่างของร้านพิเศษ เชฟของร้านใช้เฉพาะวัตถุดิบที่สดใหม่และมีคุณภาพสูงสุดในการสร้างสรรค์อาหารจานอร่อยที่จะตอบสนองความต้องการของคุณ ตั้งแต่สเต็กฉ่ำๆ ไปจนถึงผักย่างและอาหารทะเล มีบางอย่างสำหรับทุกคนในเมนูของร้าน

ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะอยู่ในอารมณ์อยากทานมื้อค่ำสุดโรแมนติกสำหรับสองคนหรือเที่ยวกลางคืนอย่างสนุกสนานกับเพื่อนๆ ร้านที่ตกแต่งภายในสไตล์อินดัสเทรียลคือตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบ มาดูด้วยตัวคุณเองว่าทำไมร้านนี้ถึงกลายเป็นหนึ่งในร้านอาหารที่มีคนพูดถึงมากที่สุดในเมืองอย่างรวดเร็ว!

สำหรับแขก walkin แล้วร้านนี้ยังมี function อื่น ๆ ส่วนที่เป็น มี wine & oyster bar, open kitchen รวมไปถึงมุมสำหรับซื้อวัตถถดิบเกรด premium ต่าง ๆ และ ยังมี พื้นที่ function สำหรับจัดเลี้ยงที่รองรับแขกได้ถึง 130 คน หรือ มุมจัดเลี้ยงส่วนตัวขนาดเล็กและขนาดกลางก็มีเช่นกัน
The Menu

อาหารที่เสิร์ฟจะเป็นสไตล์ European Grill House ตามชื่อร้าน La Brace ซึ่งสื่อความหมายถึงถ่านและเปลวไฟ ซึ่งบรรยากาศก็จะเป็น upscale casual แบบสบาย ๆ แต่ยังดูมีระดับ ในส่วนของอาหารจะดูแลโดย head chef “มาร์ค ฮาเกนแบช’ Mark Hagenbach ซึ่งมีประสมการณ์ในร้านอาหารของโรงแรมระดับห้าดาวหลายร้าน เช่น Gran hyatt Erawan หรือ Sofitel Sukhumvit มาอำนวยการผลิตและความคุมคุณภาพของเมนู

ขนมปัง olive oil และ almonds
Appetizer




Appetizer ในร้าน La brace แห่งนี้จะสามารถเริ่มได้ตั้งแต่เครื่องดื่มง่าย ๆ อย่าง Welcome drink sangria หวานละมุนกลมกล่อม หรือ กลุ่ม cold cuts ซึ่ง ร้าน La Brace จะเสิร์ฟเป็น Jamon Iberico ขาดำเกรด premium ซึ่งสามารถสั่งมาพร้อม ๆ กับ cheese เกรด premium ชนิดอื่น ๆ

ซึ่งในจานจะเป็น cheese Tete de moine ซึ่ง เป็นชีสนมวัว (cow milk) ฝรั่งเศสชนิดพิเศษที่เมื่อ slice ด้วยอุปกรณ์ ‘girolle’ จะกลายเปนเกลียวสวยเหมือนดอกไม้ มีรสละมุนละลายในปาก ซึ่งสามารถหารับปะทานได้ที่ La brace แห่งนี้

สำหรับคนที่ไม่ใช่แฟนของ charcuterie cold cuts ต่าง ๆ La Brace ก็ยังมี หอยนางรม Oyster เกรด premium ให้ได้ลิ้มลอง ซึ่งจะมีให้ลองสด ๆ หลากสายพันธุ์ตั้งแต่ Gillardeau, Tsarskaya และอื่น ๆ หมุนเวียนกันมาซึ่งจะเน้นความสดใหม่ ความพิเศษของ oyster ที่สังเกตได้ของที่นี้ความขาวสะอาดของเปลือก oyster และ น้ำทะเลใน oyster ซึ่งเกิดจากการคัดเลือกผู้ผลิต และผู้ส่งออก รวมไปถึงการทำความสะอาดอย่างพิถีพิถันแบบผู้เชี่ยวชาญตัวจริง นับว่าเป็นอีกหนึ่งเมนูที่เรียบง่ายแต่แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจของร้าน

White asparagus

จานถัดไปเราขอยก ตัวอย่างเมนูพิเศษอีกเมนูที่หมุนเวียนตามวัตถุดิบของแต่ละฤดูกาลก็จะมีเสิร์ฟในร้าน La brace สำหรับฤดูนี้จะเป็น White asparagus หน่อไม้ฝรั่งขาวคุณภาพสูงนำเข้าจากฝรั่งเศส หวานสดๆ ชิ้นโต นุ่ม กรุบนิดๆนำไปย่างง

มาพร้อมกับซอสออล็องแดซ เป็นอิมัลชันของไข่แดง เนย น้ำมะนาว (บางครั้งใช้ไวน์ขาวหรือน้ำส้มสายชู) ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทยขาว และพริกชี้ฟ้า ซอสออล็องแดซเตรียมได้จากการผสมไข่แดงที่ตีแล้วกับเนย น้ำมะนาว เกลือ และน้ำเปล่า ก่อนจะให้ความร้อนพอเหมาะเพื่อไม่ให้ซอสข้นจนเกินไป ซอสออล็องแดซเป็นหนึ่งในซอสแม่บททั้งห้าของอาหารฝรั่งเศส เป็นส่วนประกอบสำคัญในเมนูไข่เบเนดิกต์ และบางครั้งเสิร์ฟพร้อมอาหารทะเลหรือผักนึ่ง เช่น หน่อไม้ฝรั่งจานนี้ มากับbalsamic ทำจากองุ่น จริงๆ ซึ่งเป็นเกรด premium ดังนั้นจะแตกต่างจากของทั่วไปคือไม่ใส แต่หนืด และไม่เปรี้ยวอย่างเดียวแต่มีความหวานด้วย

Cheese souffle


เมนูพิเศษที่นำเสนอโดย chef mark ทำจาก cheese หลากชนิดเป็น souffle รสกลมกล่มละลายในปาก หอม truffle ซูเฟล่ชีสเป็นเมนูที่ทำง่ายแต่ก็มีความท้าทาย ยิ่งการทำซูเฟล่ขนาดใหญ่ทำให้ยากที่จะรู้ว่าซูเฟล่นั้นสุกหรือยัง ดังนั้นควรเริ่มต้นที่ขนาดกำลังพอดี โดยเมนูนี้จะสร้างความประทับใจให้กับเพื่อนและคนที่คุณรัก ด้วยรส กลิ่น และสัมผัส ชีสที่นำมาใช้คือ ชีสแข็งเอมเมนทัล ชีสกรุยแยร์ และ ชีสจาร์ลสเบิร์กขูด กับส่วนผสมหลักอื่นๆได้แก่ เนย แป้ง นมร้อน ไข่แดง ผงมัสตาร์ด ไข่ขาว และเกลือ

Arrabiata Pasta


ความพิเศษแรกที่จะทำให้ pasta ของร้าน La Brace ไม่เหมือนใครคือ เริ่มตั้งแต่ตัวเส้น ที่จะทำจาก เส้น pasta แบรนด์ dececco ซึ่งมีความพิเศษคือ ไม่มีส่วนที่เป็นแป้งดิบสีขาวตรงใจกลาง ทำให้เวลาปรุงออกมาจะได้ aldante ที่เส้นยังมีความแข็ง ไม่เละ สุกเท่ากันทั้งด้านนอกและด้านใน สำหรับตัวซอส Arrabiata pasta จะทำจากมะเขือเทศนำเข้าจาอิตาลี มีรสชาติหวานอร่อย

Pizza


pizza truffle เป็นเมนูทดลองที่สามารถลองสอบถามได้เช่นกัน เป็นสไตล์แป้งบางกรอบโฮมเมด ทอปด้วย truffle สดแบบจัดเต็ม
Chargrilled Seabass

เมนคอร์สของร้านที่แนะนำวันนี้คือ ปลา sea bass ย่างเตาถ่าน ทาด้วย Gremolata paste ซึ่งทำจาก parsley, garlic และ lemon มีรสชาติลงตัว เนื้อปลาตัวโตที่เชฟปรุงออกมาได้เนื้อหวานฉ่ำ ไม่มีกลิ่นคาว เนื้อมีรสอูมามิ แทบไม่ต้องบีบเลมอนช่วยเลย การทำปลากระพงย่างให้สุกเท่ากันผิวนอกมีความเกรียมนิดๆ แต่เนื้อในยังฉ่ำ

Chargrilled Wagyu Striploin






เสิร์ฟพร้อม meat sauce mixed jus green pepper corn ซึ่งความพิเศษของเนื้อ Wagyu ของร้านนี้จะนอกจากจะเป็น A5 จากผู้ผลิต wagyu อันดับหนึ่งของ Australia ‘Westholme’ แล้วยังเป็น wet-aged ซึ่งจะการันตีรสชาติที่เข้มข้น และ สุขอนามัยของผู้รับประทานได้มากกว่าเนื้อ dry age นอกจากนั้นยังมีการปรุงให้หอมด้วยไม้ชนิดพิเศษ ซึ่งสามารถเลือกที่อร่อยด้วย เกลือ truffle สูตรพิเศษ หรือ ซอสและมัสตาร์ดสูตรลับของเชฟก็ได้เช่นเดียวกัน
Desserts


สำหรับของหวานจะเป็น Chocolate lava และ Tiramisu ปิดท้ายซึ่งเช่นเคยอัดแน่นด้วยวัตถุดิบเกรด premium ไม่ว่าจะเป็น chocolate Valrhona ซึ่งมีรสหวานกลมกล่อม เปรี้ยวเบา ๆ เด่น fruity หรือ กาแฟนำเข้าจากอิตาลีเพื่อทำ tiramisu โดยเฉพาะ เรียกได้ว่าวัตถุดิบที่ใช้มีความพรีเมียมตั้งแต่จาน appetizier ไปจนถึงของหวาน
สำหรับท่านที่ต้องการไปลิ้มลองความพิเศษเหล่านี้ต้องไม่พลาด La Brace ณ โครงการ Earth Ekkamai แนะนำให้โทรติดต่อจอง เนื่องจากร้านอาจจะมีงานจัดเลี้ยงเป็นระยะครับ
แผนที่ร้าน >> https://goo.gl/maps/nXeo26gTjNdahxvH8 โทร 0945406662
Kin Review
Kinandleisure.com กินแอนเลเชอร์ สื่ออาหารและการท่องเที่ยว ที่นำเสนอเกี่ยวกับ อาหาร และ การกินดื่ม รวมถึงการท่องเที่ยวและที่พัก ทั้งในส่วนของ รีวิว อาหาร สถานที่ กิน ดื่ม เที่ยว พัก ผ่อนคลาย ในทุกประเภทหมวดหมู่ โปรโมชั่น ส่วนลด เมนูใหม่ กิจกรรมพิเศษ ที่เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม บทความที่เกี่ยวกับการ กินดื่ม ไม่ว่าจะเป็น บทความกินดื่มทั่วๆไป อาทิ วิธีการ กินชีส และการดื่มไวน์ บทความการกินเพื่อสุขภาพ บทความการกินตามเทศกาล บทความสาธิตและสอนทำอาหาร สูตรทำอาหาร ข่าวสารในแวดวง การกิน ดื่ม คลิปและวีดิโอ เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม ท่านสามารถค้นหาร้านอาหารผ่านแถบค้นหาด้านบนสุดของเวปได้เพียงพิมพ์ชื่อร้าน หรือประเภทอาหาร และย่าน คิดถึงเรื่อง กิน ดื่ม คิดถึง Kinandleisure.com กินแอนเลเชอร์