Ladurée มีร้านอาหารในไทยแล้วหรอ นึกว่าจะมีแค่ร้านขนมเสียอีก!! เสียงเพื่อนผมอุทานเมื่อผมบอกเค้าว่าจะมารีวิวร้านอาหารสไตล์ฝรั่งเศสแห่งนี้ …
ใช่ครับ วันนี้ KinlakeStars ได้มีโอกาสมากินอาหาร French Cuisine จากทาง Ladurée หลายคนที่ชื่นชอบมาการองคงต้องรู้จัก Ladurée แบรนด์ขนมหวานฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียงและประวัติอันยาวนานมาตั้งแต่ปี คศ.1862 เป็นอย่างดี แต่ยังไม่ทราบว่า Ladurée เค้าก็มี French Cuisine ไว้บริการลูกค้าเช่นเดียวกัน ซึ่งต้องบอกเลยครับว่าอาหารคาวก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้ของหวานเลยละครับ และนั่นแหละครับวันนี้เราจะมาลองชิมกัน…
กลางศูนย์การค้าสยามพารากอนชั้น M มีร้านอาหารตกแต่งสไตล์น่ารักเน้นสีพาสเทลตั้งอยู่ ซึ่งนั่นก็คือ Ladurée นั่นเอง ซึ่งสุภาพสตรีคงชื่นชอบกันแน่นอน เนื่องจากทั้งร้านตกเต่งด้วยฟอร์นิเจอร์สไตล์ฝรั่งเศส ใช้สีพาสเทล ถ่ายรูปออกมามุ้งมิ้งน่ารักแน่นอนครับ 🙂
ชมบรรยากาศของร้านไปแล้วงั้นเราลองมาดูอาหารคาวที่นี่กันบ้างดีกว่าว่ามีจานไหนโดดเด่นดีงามกันบ้าง เราไปเริ่มที่เครื่องดื่มเพิ่มความสดชื่นก่อนเริ่มรับประทานอาหารกันดีกว่าครับ
Mojito Litchi (420.-) โมฮีโต้ที่มีความหอมแตกต่างจากเจ้าอื่น เพราะโมฮีโต้ของที่นี่ผสมลิ้นจี่ลงไปด้วย จึงทำให้มีรสชาติเปรี้ยวหวาน และมีเนื้อของลิ้นจี่ให้ทานเพิ่มความอร่อยให้เครื่องดื่มแก้วนี้ได้เป็นอย่างดี
Jardin Bleu Royal (220.-) ด้วยส่วนผสมจากชาดำจากจีน และชาศรีลังกาที่ให้ความหอมเตะจมูก และรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ กลิ่นของผลไม้เช่นสตรอว์เบอร์รี่และเชอร์รี่อโรมาช่วยให้ชาดำแก้วนี้หอมหวานยิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งหากใครไม่ชอบรสชาติขมก็สามารถใส่น้ำเชื่อมเพิ่มเข้าไปได้ ให้รสชาติหวานหอม อร่อยไปอีกแบบ
Mélang Spécial Ladureé (220.-) เครื่องดื่มสูตรพิเศษแก้วหนึ่งที่ผมชื่นชอบ เพราะว่ามีรสชาติที่เปรี้ยวหวานจากเบอร์รี่ และผลไม้ชนิดต่างๆ ผสมกับ Citrus มอบความเปรี้ยวและเพิ่มความหอมด้วยชาดำจากจีนและศรีลังกา ไม่ว่าจะดื่มคู่กับอาหารหรือขนมก็อร่อยไม่แพ้กันครับ
Darjeeling Namring (280.-) ชาร้อนแก้วนี้ส่งกลิ่นความหอมจากชาที่ถูกปลูกจากตีนเขาหิมาลัย บวกกับกลิ่นสัมผัสจากอัลมอนและดอกไม้ เหมาะสำหรับดื่มปิดท้ายมื้ออาหารเพื่อล้างปากได้เป็นอย่างดีครับ
ถึงเวลาของของคาวกันบ้าง…ตามที่ทราบกันดีครับว่า French Cuisine นั้นจะโดดเด่นเรื่องการจัดแต่งจานอาหารที่น่าสนใจ ความสวยงามของ Presentation ขององค์ประกอบนั้นเรียกได้ว่าอลังการมากครับ
รองท้องระหว่างมื้ออาหารด้วยขนมปังกรอบนอกนุ่มใน อบใหม่ร้อนๆทาด้วยเนยชั้นเยี่ยมอิมพอร์ตมาจากฝรั่งเศสโดยตรงกันก่อนครับ
หลังจากรองท้องกันแล้วเราก็มาเริ่มที่จานแรก Salade Ladurée (320.-) สลัดผักที่สดมากหอมกลิ่น Mozzarella Cheese โรยบน Mizuna, Artichoke, Snap Pea, Green Asparagus และ Tomato โรยอีกชั้นด้วยขนมปังกรอบ เป็นจานเบาๆ ที่เปิดตัวมื้อนี้ได้ดีมาก
จานที่ 2 Tartare de thon (380.-) ทูน่าที่เสิร์ฟมาในลักษณะบล็อควงกลมท็อปด้วย Radish, Cucumber และ Citrus ที่ช่วยดึงความสดและรสชาติของทูน่าได้เป็นอย่างดี จานนี้อร่อยมากครับไม่อยากแบ่งใครเลย
จานที่ 3 Club Saumon (380.-) คอแซลมอนพลาดไม่ได้กับจานนี้ครับ Salmon รมควันเนื้อหอมหนึบ ท็อปด้วย lettuce heart และ Cucumber mayonnaise กินคู่กับ ไข่อบที่เสิร์ฟมาข้างจาน
จานที่ 4 Foie gras de canard (650.-) ฟัวกราส์สัมผัส เนียน นุ่ม ที่เสิร์ฟพร้อมซอสมะม่วง ขนมปังเนื้อนุ่ม และมาการองพิตาชิโอ้ กินพร้อมกันทุกอย่าง ลงตัวสุดๆ ครับ ผมฟินกับจานนี้มาก
จานที่ 5 Vol au vent (750.-) ซุปข้นจานเด่นของทางร้านที่ใช้เนื้อไก่ “vol au vent” และเห็ดป่านานาชนิดให้รสชาติหอม มัน กลมกล่อมลิ้น จัดเสิร์ฟสวยงามในโถสีเงินวาววับ เวลารับประทานจะนำมาราดบนครัวซองหอมกรอบ เวลาเคี้ยวจะได้ความนุ่มของเนื้อไก่และความกรุบ หนึบๆ ของเห็ดป่า มาแล้วต้องลองครับ
จานที่ 6 Agneau (800.-) จานสำหรับคนรักเนื้อแกะรสชาติเยี่ยม ตกแต่งสวยงามด้วย Chick Pea, Red pepper และ Coriander เนื้อแกะนุ่ม หวาน และไม่มีกลิ่นเลย แถมความสุกยังกำลังพอดี ถ้ามาต้องลองนะครับ
จานที่ 7 Boeuf (900.-) จานสำหรับคนรักเนื้อที่ผมต้องบอกว่าพลาดไม่ได้ เพราะนอกจากเราจะได้สัมผัสเนื้อ Tenderoid ที่นุ่ม หอม อร่อยมากแล้ว หากเราความสุกแบบ Medium Rare เราจะเห็นได้ว่าสีของเนื้อ และการจัดแต่งงานนั้นสวยงามน่ากินมากครับ ระดับความฟินพุ่งขึ้นมากเลย
ทานของคาวกันมาแล้ว ไปล้างปากด้วยของหวานกันบ้างดีกว่า กับหลากหลายเมนูของหวาน งานนี้ไม่อ้วนไม่ต้องกลับครับ 🙂
จานแรก Saint-Honoré Rose Framboise (350.-) ขนมหวานลักษณะคล้างชูว์ครีม ท็อปด้วยสตรอว์เบอร์รี่กลิ่นหอมกุหลาบรสชาติเปรี้ยวหวาน ตัดกับครีมพิตาชิโอรสหวานมัน เข้ากันเป็นอย่างดี
จานที่สอง Pain Perde Ladureé (350.-) French Toast ที่ส่งกลิ่นหอมอบอวล สีเหลืองน่ารับประทาน เสิร์ฟมาคู่กับวิปครีมเนื้อละมุน ราดด้วยซอสเมเปิลไซรัปก่อนรับประทาน หวานมันลงตัว
จานที่สาม Tart Citron (180.-) ทาร์ตมะนาวรสเปรี้ยวหวาน รสและกลิ่นมะนาวช่วยให้คอร์สของหวานเราไม่เลี่ยนจนเกินไป
จานที่ 4 Plaisir Sucre (210.-) ซูเคร่ช็อกโกแลตที่เนื้อสัมผัสแน่นและเนียนมาก หวานกำลังพอดี ด้านล่างเพิ่มความกรุบด้วยเฮเซลนัท
จานที่ 5 หากใครอยากกินไอศครีมเพิ่มความสดชื่นทางร้านก็มีหลากรสให้ชิมกันไม่ว่าจะเป็น Coffee, Salted Caramel, Vanilla, Pistachio, Chestnut, Rose Petal ครับผม
เป็นอย่างไรบ้างครับกับเมนูของทาง Ladureé ที่ KinlakeStars หยิบมาแนะนำในวันนี้ ซึ่งทางร้านยังมีสุดยอดเมนูเตรียมเอาไว้ให้ทุกท่านได้เข้าไปลองลิ้มชิมรสกันอีกมาก โดยส่วนตัวผมแล้วต้องขอบอกว่าประทับใจทั้งในรสชาติ บรรยากาศ การจัดแต่งร้านและอาหาร ที่สำคัญบริการดีเยี่ยม คุ้มค่ากับราคาจริงๆ ครับ
ปิดท้ายมื้ออาหารด้วยชาชั้นเลิศของฝรั่งเศสจากทาง Ladureé
ท่านใดสนใจสามารถแวะไปรับประทานอาหารได้ที่ Ladureé ชั้น M ศูนย์การค้าสยามพารากอนฝั่ง Shopping Complex ได้ทุกวัน หรือที่เว็บไซต์ www.laduree.com
เรื่อง / ภาพ : Khanenpan C.
KinlakeStars.com กินแหลกแจกดาว สื่ออาหารที่นำเสนอเกี่ยวกับ อาหาร และ การกินดื่ม ทั้งในส่วนของ รีวิว อาหาร สถานที่ กิน ดื่ม ผ่อนคลาย ในทุกประเภทหมวดหมู่ โปรโมชั่น ส่วนลด เมนูใหม่ กิจกรรมพิเศษ ที่เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม บทความที่เกี่ยวกับการ กินดื่ม ไม่ว่าจะเป็น บทความกินดื่มทั่วๆไป อาทิ วิธีการ กินชีว และการดื่มไวน์ บทความการกินเพื่อสุขภาพ บทความการกินตามเทศกาล บทความสาธิตและสอนทำอาหาร สูตรทำอาหาร ข่าวสารในแวดวง การกิน ดื่ม คลิปและวีดิโอ เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม ท่านสามารถค้นหาร้านอาหารผ่านแถบค้นหาด้านบนสุดของเวปได้เพียงพิมพ์ชื่อร้าน หรือประเภทอาหาร และย่าน คิดถึงเรื่อง กิน ดื่ม คิดถึง kinlakestars.com – กินแหลกแจกดาว
A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A