Story : Nutthawat J. / Photo : Pol.Capt. Kittin A
สวัสดีครับท่านผู้รักในการรับประทานอาหารเลิศรสทุกท่าน วันนี้พวกเรา ทีมงาน Kinandleisure มีประสบการณ์การรับประทานอาหารอันสุดวิเศษจะมานำเสนออีกเช่นกันครับ คราวนี้จะมาในธีมของอาหารจีนสุดเลิศรส ซึ่งอาหารของที่นี่นั้น พวกเราทีมงานที่ได้โอกาสไปรับประทานต่างล้วนบอกเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า “เดอะเบส” กลายเป็นร้านที่ประทับอยู่ใจของพวกเราไปตราบนานเท่านาน โดยเมื่อเอ่ยถึงร้านอาหารจีนสุดหรูในกรุงเทพฯ ที่โดดเด่นทั้งด้านรสชาติ ตำแหน่งที่ตั้ง และบรรยากาศ
ทางเราขอภูมิใจนำเสนอร้าน Yu Ting Yuan ในโรงแรม Four Seasons Bangkok ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าผสมผสานประสบการณ์อาหารจีนสไตล์กวางตุ้งดั้งเดิมเข้ากับการนำเสนออันร่วมสมัย จนได้รับทั้งชื่อเสียงและรางวัลระดับสูงมาแล้ว
ในรีวิวครั้งนี้ พวกเรา Kinandleisure ขอชวนทุกท่านท่องเข้าสู่โลกของอาหารจีนไฟน์ไดนิ่งที่มากกว่าคำว่า “อร่อย” แต่ยังมีทั้งความละเมียดละไม ความประณีต และความใส่ใจในรายละเอียดอย่างเต็มเปี่ยม
บรรยากาศและการตกแต่ง
ทันทีที่ก้าวเข้าสู่ Yu Ting Yuan เราจะสัมผัสได้ถึงความโอ่อ่าของพื้นที่ที่มีเพดานสูง โปร่ง และผนังกระจกที่เปิดรับแสงธรรมชาติอย่างเต็มที่ พร้อมวิวจากกระจกใสที่เปิดให้เห็นบริเวณบ่อน้ำด้านหน้าล็อบบี้ของโรงแรม พร้อมต้นไม้ประดับสีแดงที่ตั้งตระหง่านอยู่ภายในห้องอาหาร ทำให้ได้รับความรู้สึกเหมือนเราได้เดินเข้าสู่ “หอละครแดนมังกรแห่งความฝัน” ที่พร้อมสะกดทุกสายตาด้วยทิวทัศน์อันงดงาม
การตกแต่งในร้านสะท้อนรายละเอียดสไตล์จีนร่วมสมัย ที่ให้ความรู้สึกหรูหราแบบ “Less is more” ไม่ได้จัดวางลวดลายจีนดั้งเดิมหนาแน่น แต่เลือกใช้เฉพาะส่วนที่เป็นเอกลักษณ์และสื่อถึงความงดงามของศิลปะจีนโบราณ องค์ประกอบเหล่านี้ทำให้ Yu Ting Yuan มีทั้งความเป็นทางการแต่ก็เป็นมิตร เหมาะกับการมาดินเนอร์พิเศษหรือโอกาสเฉลิมฉลองต่าง ๆ
การออกแบบทางสถาปัตยกรรมและการจัดสรรพื้นที่ของห้องอาหาร Yu Ting Yuan, Four Seasons Bangkok
Yu Ting Yuan ไม่ใช่เพียงห้องอาหารจีนกวางตุ้งระดับมิชลินสตาร์ แต่ยังเป็นงานออกแบบที่สะท้อนปรัชญาทางสถาปัตยกรรมและศิลปะจีนในบริบทของโรงแรมระดับลักชัวรีริมแม่น้ำเจ้าพระยา
แนวคิดการออกแบบ: บทสนทนาระหว่างประเพณีและความร่วมสมัย
พื้นที่ของ Yu Ting Yuan ถูกออกแบบให้เป็นส่วนหนึ่งขององค์ประกอบสถาปัตยกรรมของ Four Seasons Bangkok แต่ยังคงอัตลักษณ์เฉพาะตัวที่สะท้อนความงามแบบจีนร่วมสมัย นักออกแบบเลือกใช้แนวคิด “Chinese Pavilion” หรือศาลาริมน้ำ มาสร้างลำดับของพื้นที่ที่ให้ความรู้สึกสงบและหรูหราไปพร้อมกัน
ความสมดุลระหว่างสัดส่วนของพื้นที่ ภาษาของวัสดุ และองค์ประกอบของศิลปะจีน ถูกจัดวางให้เกิดจังหวะที่กลมกลืน โดยเฉพาะการเล่นระดับของแสงและเงา ผสานกับการใช้เส้นเรขาคณิตที่ประณีตในโครงสร้าง
การจัดสรรพื้นที่: ลำดับสเปซและมิติของประสบการณ์
Yu Ting Yuan มีการจัดลำดับของพื้นที่แบบ “processional space” ที่นำพาผู้ใช้เข้าสู่ประสบการณ์การรับประทานอาหารอย่างเป็นลำดับ
+ Threshold Space: พื้นที่โถงทางเข้าได้รับการออกแบบให้เป็นเสมือน “เกริ่นนำ” ของประสบการณ์ ร้านอาหารถูกซ่อนตัวอยู่ภายในอาคารหลักของโรงแรม และเชื่อมต่อกับระเบียงน้ำที่สะท้อนภาพของห้องอาหารลงบนผิวน้ำ การใช้ผนังโปร่งแบบฉลุลายช่วยสร้างการรับรู้ถึงพื้นที่ที่ซับซ้อนและมีมิติ
+ Cooking Station and Open Kitchen
+ Main Dining Area: พื้นที่หลักของห้องอาหารเปิดรับวิวของสระน้ำและสวนในแนวแกนเดียวกัน สร้างความรู้สึกของ “framing view” ที่ทำให้ทัศนียภาพภายนอกกลายเป็นองค์ประกอบหนึ่งของพื้นที่ภายใน
+ Private Dining Rooms: ห้องรับประทานอาหารส่วนตัวถูกออกแบบให้มีระดับความเป็นส่วนตัวที่แตกต่างกัน โดยใช้ partition และฉากบานเลื่อนแบบจีน ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้อย่างยืดหยุ่น
วัสดุและองค์ประกอบศิลปะ: การตีความสุนทรียศาสตร์จีน
วัสดุที่เลือกใช้ใน Yu Ting Yuan สะท้อนถึงสุนทรียศาสตร์จีนผ่านองค์ประกอบที่เรียบง่าย แต่แฝงไว้ด้วยรายละเอียดที่ประณีต
- ผนังไม้ฉลุลายได้รับแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมจีนดั้งเดิม แต่ลดทอนให้ดูโมเดิร์นขึ้น
- เฟอร์นิเจอร์เลือกใช้โทนสีเข้มที่ตัดกับแสงนวลของโคมไฟ สร้างบรรยากาศอบอุ่นและสง่างาม
- การใช้ “Reflection Pool” หรือสระน้ำสะท้อนภาพห้องอาหาร ช่วยเพิ่มมิติของพื้นที่ และสร้างบรรยากาศของความสงบตามหลัก Feng Shui
สถาปัตยกรรมที่เป็นมากกว่าพื้นที่รับประทานอาหาร
Yu Ting Yuan ไม่ใช่แค่ห้องอาหารจีนหรูหรา แต่เป็น “spatial experience” ที่หลอมรวมศิลปะจีนดั้งเดิมเข้ากับบริบทของโรงแรมร่วมสมัยริมแม่น้ำเจ้าพระยาได้อย่างลงตัว การใช้ลำดับของพื้นที่ วัสดุ และองค์ประกอบแสงเงา ทำให้เกิดประสบการณ์ของพื้นที่ที่เหนือกว่าการรับประทานอาหารทั่วไป แต่เป็นการเข้าสู่โลกแห่งสุนทรียศาสตร์ที่แฝงไว้ด้วยความลุ่มลึกของสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมจีน
การผสมผสานระหว่างดั้งเดิมและความครีเอทีฟ
หัวใจสำคัญของ Yu Ting Yuan อยู่ที่เมนูอาหารสไตล์กวางตุ้ง (Cantonese Cuisine) ที่ปรุงด้วยเทคนิคดั้งเดิมผสมกับแนวคิดสมัยใหม่ แต่ยังคงแก่นรสชาติแบบต้นตำรับได้อย่างลงตัว สำหรับผู้ที่มาครั้งแรก แนะนำให้ลองสั่ง “Chef’s Tasting Menu” หรือเซตเมนูพิเศษที่รังสรรค์โดยเชฟทอมมี่ (Tommy Cheung) ที่เคยประจำอยู่ในร้านอาหารระดับมิชลินมาแล้ว มานั่งประจำเป็นแม่ทัพ (เชฟ) ประจำห้องอาหารแห่งนี้
โดยท่านจะได้พบกับสุดยอดประสบการณ์ ตั้งแต่เมนูเรียกน้ำย่อยไปจนถึงซุป อาหารทะเล เนื้อสัตว์ และปิดท้ายด้วยของหวานหลากหลาย โดยแต่ละคอร์สจะใช้วัตถุดิบชั้นดี เช่น เป๋าฮื้อ หอยเชลล์แห้ง กระเพาะปลา หรือแม้แต่เห็ดทรัฟเฟิล ที่มีพิเศษเป็น Seasonal เป็น Truffle marigot จากฝรั่งเศส ที่สามารถขอเพิ่ม สไลด์ให้ได้หมดทุกจาน มีกลิ่นหอมสไตล์ฤดูหนาวสุดทรงคุณค่า รวมถึงล็อบสเตอร์ที่คัดสรรเป็นพิเศษ โดยจะเป็นอย่างไรนั้น พวกเรามารับชมพร้อมๆ กันได้เลยครับ
Appetizer
Pumpkin and Radish marinated with plum juice
เริ่มต้นของออเดิร์ฟเปิดสัมผัสรับรส ด้วยฝักทองกับหัวไชเทาหมักน้ำพลัม มีสีสันสุดสวยงาม กระตุ้นทุกประสาทสัมผัสให้ตื่นขึ้นมาตั้งแต่แรกเห็น มีรสหวานและเปรี้ยวของผลไม้พร้อมกับรสสัมผัสอันกรุบกรอบ เป็นของเรียกน้ำย่อยคุณภาพที่ช่วยกระตุ้นต่อมรับรสให้ได้เป็นอย่างดีครับ
ต่อมา เรามาเริ่มเข้าคอร์สจากอาหารเรียกน้ำย่อยจานแรก โดยจานนี้มาในสไตล์อาหารจีนโมเดิร์น เน้นการจัดวางอย่างประณีตบนจานสีดำที่แต้มลวดลายสีทองให้ดูหรูหรา โดยประกอบด้วยองค์ประกอบหลัก 3 ส่วน คือ
Barbecued suckling pig with Chinese bun
หมูหันที่อยู่ขวามือ มีความกรอบเป็นพิเศษ เห็นได้ชัดว่าหนังหมูมีความบางและกรอบมาก เป็นส่วนที่โดดเด่นสุดของจาน มีเนื้อนิดนึงและราดซอสมาครบถ้วนแล้ว มีความนุ่มฉ่ำและหวานอร่อย เมื่อกัดลงไปจะได้ยินเสียง “กรอบ” ชัดเจน แถมไม่เหนียว ไม่ติดฟัน ชั้นไขมันแทรกบาง ๆ ใต้หนังทำให้มีความฉ่ำ รสเค็มอ่อน ๆ กลมกล่อม
Deep-fried pipa tofu with XO sauce
ต่อมาผีผาโถว ทรงคล้ายเครื่องดนตรีจีน (ผีผา) เป็นเครปทอดและมีเนื้อปู พร้อมด้วยซอส XO ที่เป็นโฮมเมดสุดขึ้นชื่อ มีส่วนผสมของหมู และหอยเชล โดยตัวซอสมีขายแยกต่างหากด้วย
Crispy roasted pork belly with mustard
จบด้วยตัวหมูกรอบ ที่เลือกเฉพาะส่วนหนังที่บางเป็นพิเศษ มีทั้งความกรอบและความนุ่ม ทานพร้อมดีจองมัสตาร์ด เป็นคำเรียกน้ำย่อยที่หรูหราแต่ก็ยังคงความเป็น “หมูหันสไตล์จีน” ได้อย่างครบถ้วน โดยเฉพาะหนังหมูกรอบและเนื้อหมูคุณภาพดี ทำให้อร่อยโดยไม่ต้องปรุงรสจัดมากมาย
Wine Pairing – NV Billecart-Salmon, Brut Rosé Champagne (Reims, France)
เป็นแชมเปญ Brut Rosé จาก Billecart-Salmon มีความหอมของผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ (สตรอว์เบอร์รี่หรือราสป์เบอร์รี) บวกกับความซ่าและความเป็นกรดที่สดชื่น ทำให้เป็นแก้วที่ดื่มง่าย ช่วยตัดความมันของหมูหัน หมูกรอบ และซอส XO ได้ลงตัว เพิ่มมิติสดใสให้เมนูเรียกน้ำย่อย
Double-boiled fish maw soup with conpoy and tiger paw fungus
เมนูซุปสุดชุ่มฉ่ำหัวใจ ใช้เวลานานกว่า 8 ชั่วโมงในการตุ๋น เพราะการต้มครั้งแรกจากน้ำสต็อกจากไก่ และต้มอีกครั้งพร้อมส่วนผสม ข้างในเป็นกังป๋วย ตัวกระเพาะปลาที่เก็บไว้นาน 15 ปี มีชิ้นใหญ่มาก และเห็ด tiger paw mushroom จากยูนนาน ซึ่งเป็นผลเป็นตามฤดูกาลโดยเฉพาะ
มีเนื้อสัมผัสกรุบ ๆ หรือค่อนข้างแน่นกว่าเห็ดทั่วไป ให้ความหอมและความหวานจากธรรมชาติ การใช้ไฟอ่อนเพื่อตุ๋นเป็นเวลานานเพื่อดึงความหวานและความเข้มข้นออกมา
Wine Pairing – 2023 Clos Henri Estate, Sauvignon Blanc (Marlborough, New Zealand)
Sauvignon Blanc สไตล์นิวซีแลนด์ของ Clos Henri Estate มีความหอมของผลไม้เปรี้ยว เช่น ส้มโอ และมีความเป็นมิเนอรัลเล็กน้อย ให้ความสดชื่น ตัดเลี่ยน ช่วยขับรสหวานของซุปให้โดดเด่นยิ่งขึ้น
Steamed sea grouper fillet with fermented lemon and aged tangerine peel
เป็นปลาเก๋าแดงนึ่งราดซีอิ๊ว ด้านบนเป็นผิวของเปลือกส้มจีนดองที่สไดล์ และมีบ๊วยด้วย ด้านล่างเป็นฟักที่ใช้วางเป็นฐาน ในขณะที่ด้านข้างจะเป็น Golden yellow fungus พร้อมราดน้ำมันหอยตอนเสิร์ฟ ทำให้ได้ความอุมามิ เค็ม ๆ หวาน ๆ ตัดกับความเปรี้ยวอ่อนๆ พร้อมกลิ่นหอมของเปลือกส้มจีน ทำให้เป็นอาหารจานปลาที่อิ่มและเติมเต็มจิตใจอย่างมาก เนื่องจากปลาเก๋าแดงมีชื่อเสียงว่าเนื้อแน่นและหวานกำลังดี เมื่อเปรียบเทียบกับปลาเก๋าชนิดอื่น
เนื้อจะมีความหนึบและรสกลมกล่อมเป็นพิเศษ พอสุกเต็มที่จากการนึ่งแล้วมีความฉ่ำ นุ่มปานกลาง ไม่แห้งหรือเละ ประกอบกับความสดของปลาช่วยดึงกลิ่นหอมของเลมอนและเปลือกส้มออกมาได้ดี โดยไม่เสียรสหวานธรรมชาติของปลา สะท้อนถึงจุดเด่นของการปรุงแบบนึ่ง คือ ช่วยคงรสหวานธรรมชาติของเนื้อปลาและทำให้เนื้อปลานุ่มอย่างสม่ำเสมอ
Wine Pairing – 2022 Domaine Vincent Pirand, Harmonie, Sancerre (France)
ไวน์ขาว Sancerre จากองุ่น Sauvignon Blanc เขตลุ่มแม่น้ำลัวร์ (Loire) ฝรั่งเศส โดดเด่นเรื่องความหอมของส้มและเลมอน เหมาะมากกับจานปลานึ่งสไตล์จีน ลดความคาวและปรับสมดุลได้เป็นอย่างดี
Wok-fried Canadian lobster with sacha sauce and caramelized walnuts
เมนูนี้เป็นการผัดล็อบสเตอร์แคนาดากับซอสสไตล์จีนอย่าง “ซาชา” (หรือ “ซาเต๊” ในบางสำเนียง) ผสานความหวานกรุบของวอลนัทคาราเมล จัดมาเป็นจานหลักสไตล์โมเดิร์นที่ดูเรียบหรู จะได้รสชาติ Caramaelize ทำให้มีความหอมจากถั่ว และมีสัปประรดประกอบเพื่อตัดเลี่ยนและทำให้เกิดความสมดุลกับอาหาร
ซึ่งล็อบสเตอร์แคนาดาเป็นหนึ่งในวัตถุดิบพรีเมียมที่ขึ้นชื่อเรื่องเนื้อเด้งแน่นหวาน เมื่อผัดแบบ Wok-fried ด้วยไฟแรง เนื้อจึงสุกกำลังดี ไม่เหนียวเกินไป และยังคงความชุ่มฉ่ำ พร้อมกับการเสิร์ฟพร้อมเปลือกทำให้สีเปลือกล็อบสเตอร์ที่สุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นแดงสดสวยงาม ตัดกับซอสและเครื่องเคียงบนจาน ผิวภายนอกอาจเคลือบซอสบาง ๆ ทำให้ได้รสสัมผัสแห้งนิด ๆ แต่เนื้อในยังคงฉ่ำนุ่ม
Wine Pairing: 2023 Chateau d’Esclans, Whispering Angel (Provence, France)
โรเซ่ไวน์ยอดนิยมจากแคว้นโพรวองซ์ โดดเด่นด้วยกลิ่นผลไม้สีแดงอ่อน ๆ รสค่อนข้างสดชื่นและมีบอดี้กลาง สามารถตัดรสจัดจ้านเผ็ดเค็มของซอสซาชา และแทรกความสดชื่นจากรสชาติที่ออกแนวฟรุตตี้ ทั้งกลุ่มสตอเบอรร์รีและเมลอน ทำให้เมนูปลอดเลี่ยนได้อย่างสมบูรณ์แบบ
Deep-fried crispy pigeon – ศิลปะแห่งการปรุงนกพิราบในแบบตะวันออก
เมนูนี้คือบทพิสูจน์แห่งความประณีตของครัวตะวันออกที่นำเสนอ “นกพิราบทอดกรอบ” ในแบบที่สมบูรณ์แบบที่สุด เชฟเลือกใช้นกพิราบอายุน้อยระหว่าง 18 – 21 วัน ซึ่งเป็นช่วงอายุที่เนื้อยังคงความนุ่ม ละเอียด และมีรสชาติที่กลมกล่อมโดยไม่มีกลิ่นสาบที่รุนแรง เมื่อนำไปทอดจนผิวกรอบแต่เนื้อภายในยังคงความฉ่ำ ยิ่งทำให้สัมผัสของจานนี้โดดเด่นขึ้นไปอีก
จุดเด่นของเมนูนี้คือการจับคู่กับซอสสมุนไพรที่ปรุงจากผงพะโล้ องค์ประกอบของโป๊ยกั๊ก อบเชย และเครื่องเทศจีนช่วยเสริมความหอมลุ่มลึก และขับเนื้อสัมผัสของนกพิราบให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่การดับกลิ่นเท่านั้น แต่ยังเพิ่มมิติของรสชาติให้น่าสนใจ กลมกล่อม และมีความอบอุ่นของเครื่องเทศที่เข้ากันอย่างลงตัว
เมื่อชิมคำแรก ความกรอบของหนังที่บางเฉียบเผยให้เห็นเนื้อในที่นุ่มฉ่ำ อุดมไปด้วยรสชาติที่เข้มข้นและมีเอกลักษณ์แบบ “wild” อันเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวของเนื้อนกพิราบ แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกเลี่ยนหรือมันเกินไป กลับกระตุ้นความอยากอาหารให้เพิ่มขึ้น จนทำให้ต้องเผลอยกชิ้นต่อไปขึ้นมาลิ้มลองโดยไม่รู้ตัว
ด้วยความพิถีพิถันในการคัดเลือกวัตถุดิบและเทคนิคการปรุงที่ลงตัว เมนูนี้จึงเป็นหนึ่งในเมนูนกพิราบที่ดีที่สุดที่เคยลิ้มลองมา เป็นจานที่สะท้อนถึงทักษะและความลึกซึ้งของการปรุงอาหารสไตล์ตะวันออกได้อย่างสมบูรณ์แบบ
Wine Pairing 2020 Silver Heights ‘The Summit’ (Ningxia, China)
Silver Heights เป็นไวน์จีนคุณภาพสูง ผลิตในเขตหนิงเซี่ย (Ningxia) มีชื่อเสียงเรื่องไวน์แดงสไตล์บอร์กโดซ์ เป็น medium body มีกลิ่นผลไม้สีเข้มอย่างแบล็กเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ หรือเครื่องเทศเบา ๆ หนักกลิ่นสมุนไพร จับคู่กับนกพิราบทอดซึ่งมีรสเข้ม ทำให้สามารถเสริมกันได้ดี เพราะเป็นตัวปรับสมดุลและเพิ่มรสชาติให้กันและกัน ได้ทั้งรสหวานและการดับความมันจากเนื้อนกพิราบ
Cleansing Palate : mangosteen huat chai
Braised pearl rice with abalone and black truffle
เป็นจานปิดท้ายของหมวด Main Course ใน Tasting Menu นี้ โดยมีการผสมผสานวัตถุดิบพรีเมียมอย่าง “หอยเป๋าฮื้อ” และ “ทรัฟเฟิลดำ” เสิร์ฟคู่กับข้าวไข่มุก ที่ผัดกับตัวซอสเป๋าฮื้อจนได้รสชาติและกลิ่นหอมละมุน
โดยผัดคู่กับเห็ดชิทาเกะและมีการใส่แอสพารากัสเพื่อเพิ่มรสสัมผัสเข้าไปด้วย จัดวางในสไตล์เรียบหรู พร้อมการขูดทรัฟเฟิลสด ๆ ลงบนจาน จึงนับเป็นจานที่น่าสนใจ ทั้งตัวข้าวไข่มุกที่มีเมล็ดค่อนข้างกลม สั้น และมีความหนึบเป็นเอกลักษณ์
เมื่อหุงคู่กับวัตถุดิบที่ให้รสชาติอุมามิ จะได้เนื้อสัมผัสที่ “เคี้ยวเพลิน” กว่าข้าวเม็ดยาวทั่วไป เนื่องจากข้าวชนิดนี้ช่วยอุ้มรสซอสได้ดี เมล็ดข้าวไม่เละและไม่แข็งจนเกินไป พร้อมตัวหอยเป๋าฮื้อ ที่มีทั้งเนื้อหนึบและหอม สีสวย เนื้อเป็นมันเงา สะท้อนการตุ๋นหรือเคี่ยวด้วยไฟอ่อนจนเข้าเนื้อ ตัวเป๋าฮื้อมีรสหวานเค็มนวล ๆ จากซอสหมัก ให้เนื้อสัมผัส “กรุบหนึบ” เคี้ยวแล้วชุ่มฉ่ำ เมื่อนำมาวางบนข้าวไข่มุกและทานพร้อมกันในคำเดียวจะได้ทั้งรส “อูมามิของซอสเป๋าฮื้อ” กับความหนึบของข้าว
นอกจากนี้ ยังมีการเติมทรัฟเฟิลดำ เพื่อเพิ่มความหอมดินอันโดดเด่น โดยเชฟทอมมี่จะขูดทรัฟเฟิลดำสด ๆ ลงบนจานต่อหน้าลูกค้า เพื่อคงกลิ่นที่เข้มข้น ซึ่งตัวทรัฟเฟิลดำมีกลิ่นอโรมาแบบ earthy เฉพาะตัว
ซึ่งช่วยยกระดับรสเค็มหวานของข้าวและเป๋าฮื้อให้ลึกซึ้งขึ้น ซึ่งโดยรวมแล้วรสชาติ มีความเด่นด้าน “อูมามิ” จากซอส ผสานกับความหอมเข้มของทรัฟเฟิล กลิ่นทะเลหน่อย ๆ ของเป๋าฮื้อ และรสหวานธรรมชาติจากข้าว ในขณะที่รักษาเอกลักษณ์สไตล์จีนที่กลมกล่อมและค่อนข้างละมุน ชอบมากจนอยากทานทุกวันเลยครับ
Wine Pairing – NV Delamotte, Brut Champagne (Le Mesnil, France)
Champagne Delamotte Brut มีความซ่าและกลิ่นยีสต์อ่อน ๆ จากการบ่ม พร้อมความเป็นกรดค่อนข้างสูง ตัดความมันและเพิ่มความสดใสให้กับเมนูข้าว ชูรสทรัฟเฟิลและเป๋าฮื้อได้ดี เนื้อจากมีความออก Green จากผักที่เขียวและกลิ่นผลไม้เปรี้ยวและความเป็นกรดทำให้ไปกับอาหารคาวได้อย่างดี
Desserts
Miniature dessert tasting ประกอบด้วยขนมย่อย 3 อย่าง
Litchi, rose imperial tea & raspberry
ของหวานแนวฟรุตตี้ ทำจากไวท์ชอคโกแลตทาสีชมพู ด้านในเป็นไอศกรีมราสเบอร์รี่ พร้อมซอสจากลิ้นจี่ หอมลิ้นจี่และกลิ่นกุหลาบ พร้อมราสป์เบอร์รี่ที่มีความเปรี้ยวหวาน มีอัลมอนที่กรุบกรอบอยู่ด้านนอก ให้ความรู้สึกสดชื่นและหอมละมุน สร้างความสดชื่น มาพร้อมกับสีสันที่สวยงาน
Chocolate, Sichuan pepper & hazelnuts caramel
ช็อกโกแลตรสเข้ม หอมพริกไทยเสฉวน (Sichuan pepper) เพิ่มความเผ็ดชาเล็กน้อยมากๆ ที่ปลายลิ้น เพื่อให้ได้กลิ่นสัมผัสเบา ๆ มีเฮเซลนัทคาราเมลเพิ่มสัมผัสกรุบและความหวานหอม รสชาติจึงตัดกันระหว่างขมของดาร์กช็อกโกแลต ความเผ็ดชา และความมันหวานของเฮเซลนัท ด้านล่างเป็นทาร์ตกรอบ
Double-boiled milk custard with bird’s nest and ginger
คล้าย ๆ “นมตุ๋น” หรือพุดดิ้ง สไตล์จีน เคี่ยวด้วยไฟอ่อนเพื่อให้ได้เนื้อเนียนนุ่ม ใส่รังนก ซึ่งมักใส่ในของหวานจีนระดับพรีเมียม เพิ่มสัมผัสนุ่ม ๆ กรุบเล็กน้อย มีความฉ่ำหวานและความเบสอร่อยจากนม พร้อมได้รสขิงช่วยตัดความคาวนม เพิ่มกลิ่นหอมและเผ็ดอ่อน ๆ
Wine Pairing: 2022 Fritz Haag, Brauneberger, Auslese – Mosel, Germany
ไวน์ขาวเยอรมัน Auslese มีความหวานสูง คล้ายๆ น้ำผึ้งไหม้ แอปริคอตและกลิ่นผลไม้สุกเมืองร้อน มีความหวานฉ่ำและความเปรี้ยวปลาย ให้ความเป็นกรดสดชื่นค่อนข้างดี ช่วยให้ของหวานไม่เลี่ยนจนเกินไป จับคู่ได้พอดีกับของหวานโดยเฉพาะเมนูที่มีรสหวานและมีองค์ประกอบผลไม้
Petit four
เจลลี่ชาเก๊กฮวยกลิ่นหอม ใส่โกจิเบอรร์รี่ (เก๋ากี้) มีลักษณะเป็นเจลลี่ใส ๆ สีออกเหลืองอ่อน มีชิ้นโกจิเบอร์รี่อยู่ข้างใน ทำให้ดูสวยงามมีสีตัดกัน เนื้อเจลลี่สัมผัสค่อนข้างนุ่มและใส ไม่แข็งเป็นวุ้นจนเกินไป หอมกลิ่นดอกเก๊กฮวยอ่อน ๆ ไม่ฉุนเหมือนน้ำเก๊กฮวยเข้มข้น แต่หวานละมุนและมีกลิ่นดอกไม้ชื่นใจมีรสหวานบางเบา ช่วยล้างปากหลังจานหลักที่มีรสเข้มข้น
คัสตาร์ดครีมพัฟ สีออกเหลืองทองสวยงาม เนื้อแป้งมีความนุ่มเบาหอมอร่อย ทานแล้วให้สัมผัส “นุ่มละมุน” ตัดกับความเยลลี่ของชิ้นก่อนหน้าได้ดี
และ White Sesame Deep-fried Dumpling ไส้มันหวาน ได้ทั้งความกรอบของเปลือกแป้งงาทอด และความนุ่มหนึบของมันหวานด้านใน ถือเป็นของหวานสไตล์จีนที่คุ้นเคย แต่เชฟจัดมาในขนาดเล็กกำลังดี ทำให้ไม่อิ่มแน่นจนเกินไป สร้างความหลากหลายให้กับมื้ออาหารที่สมบูรณ์แบบนี้จริงๆ ครับ
จบกันไปแล้วครับสำหรับประสบการณ์อันสุดวิเศษนี้ ขอบอกเลยว่าดีจนน้ำตาแห่งความดีใจไหลออกมาไม่หยุดเลยทีเดียว ซึ่งไม่ว่าคุณจะกำลังมองหาสถานที่ดื่มด่ำมื้อค่ำกับครอบครัว คนสนิท หรือเพื่อเจรจาธุรกิจ Yu Ting Yuan จึงเป็นจุดหมายที่พร้อมต้อนรับด้วยความประทับใจ และมีเสน่ห์ชวนจดจำไม่รู้ลืมจริงๆ โดยทางร้านมีทั้งโซนครัวเปิด โซนส่วนตัวสำหรับการพูดคุยต่าง ๆ ให้เลือกสรร โดยท่านที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสำรองที่นั่งได้ที่ 02 032-0885 โดยร้านอาหารจะเปิดให้บริการในช่วงกลางวัน เวลา 11.30 -14.30 น. และช่วงอาหารเย็น ในเวลา 18.00 – 22.30 น. ครับ
Kinandleisure.com กินแอนเลเชอร์ สื่ออาหารและการท่องเที่ยว ที่นำเสนอเกี่ยวกับ อาหาร และ การกินดื่ม รวมถึงการท่องเที่ยวและที่พัก ทั้งในส่วนของ รีวิว อาหาร สถานที่ กิน ดื่ม เที่ยว พัก ผ่อนคลาย ในทุกประเภทหมวดหมู่ โปรโมชั่น ส่วนลด เมนูใหม่ กิจกรรมพิเศษ ที่เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม บทความที่เกี่ยวกับการ กินดื่ม ไม่ว่าจะเป็น บทความกินดื่มทั่วๆไป อาทิ วิธีการ กินชีส และการดื่มไวน์ บทความการกินเพื่อสุขภาพ บทความการกินตามเทศกาล บทความสาธิตและสอนทำอาหาร สูตรทำอาหาร ข่าวสารในแวดวง การกิน ดื่ม คลิปและวีดิโอ เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม ท่านสามารถค้นหาร้านอาหารผ่านแถบค้นหาด้านบนสุดของเวปได้เพียงพิมพ์ชื่อร้าน หรือประเภทอาหาร และย่าน คิดถึงเรื่อง กิน ดื่ม คิดถึง Kinandleisure.com กินแอนเลเชอร์
รูปและเนื้อหาทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของทาง Kinandleisure.com ไม่อนุญาตให้นำไปใช้จนกว่าจะได้รับการอนุญาตจากทางผู้บริหาร หากฝ่าฝืนผู้บริหารพร้อมดำเนินคดีทางกฎหมายอย่างเด็ดขาด
New Chef Tommy Tasting Menu ณ Yu Ting Yuan @ Four Seasons Bangkok