วันนี้เราจะพาทุกท่านมาที่ เดอะ เบเกอรี่ แห่งโรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก กัน ซึ่งตั้งอยู่ข้างหน้าโรงแรมฯเลยครับ โดยที่เราสามารถเข้าจากทางด้านหน้า หรือ เดินทะลุผ่านมาจากทางล๊อบบี้ของโรงแรมฯ ก็ได้เช่นกันครับ และพบกับชุดจิบชายามบ่ายชุดใหม่ที่มีหน้าตาที่หรู สวย เก๋ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และที่สำคัญ วัตถุดิบทำขนมยังเน้นเอาพืชผลออร์แกนิคมาใช้ด้วย
ภายในร้านก็ตกแต่งให้ความรู้สึกสบายๆ และตัวร้านเองก็ดูเหมือนจะถูกรายล้อมด้วยต้นไม้ ให้ความรู้สึกเหมือนเราได้นั่งอยู่กลางสวน ผ่อนคลายดีจริงๆ
บริเวณตู้ขนม และ บาร์ ขนมน่าทานทั้งนั้นเลยครับ
อีกมุมของร้าน นอกจากโซนที่นั่ง ก็จะมีของฝากสำหรับซื้อกลับด้วยครับ
อันนี้เป็นขนมซิกเนเจอร์ของทางโรงแรมฯ นั่นก็คือ Palmier หรือ พายผีเสื้อ นั่นเอง มีหลากหลายรสชาติเลยทีเดียว
เรามาเข้าเรื่องวันนี้ของเราเลยดีกว่า นั่นก็คือ The Royal Art of Afternoon tea ชุดน้ำชายามบ่าย ที่เสิร์ฟมาบนกระดานหมากรุกอันหรูหรา ที่ได้รับแรงบันดาลใจมากจากกิจกรรมที่เป็นที่โปรดปรานของ สมเด็จพระราชปิตุจฉาเจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ กรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินธร ผู้ทรงเป็นเจ้าของพื้นที่วังคันธวาสอันเป็นสถานที่ตั้งของโรงแรมดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อกในปัจจุบัน ซึ่งขนมทุกชิ้นถูกรังสรรค์มาอย่างตั้งใจ โดย เชฟเอ๋ (เชฟ อนุพงษ์ นวลฉวี ) Executive Pastry Chef ประจำโรงแรม ดิ แอทธินี แห่งนี้นี่เอง
ชุดน้ำชาชุดนี้ จะเสิร์ฟมากับชาพรีเมี่ยมสัญชาติเยอรมัน อย่าง Ronnefeldt โดยมีชาหลากหลายชนิดให้เราได้เลือกเลย
โดยสามารถขอลองดมกลิ่นดูก่อนได้ว่าชอบแบบไหน
วันนี้ขอเลือกเป็น “ Sweet Kiss ” เป็นชาผลไม้ หอมมากๆ บอกเลย
ขนมนานาชนิด ทั้งคาวหวาน ก็ถูกจัดวางมาบนกล่องไม้ ที่นำเสนอออกมาในรูปแบบของตารางหมากรุกนั่นเอง
มาดูที่ชุดน้ำชากัน โดยจริงๆ หลักๆของชุดน้ำชานี้ จะมีตัวเด่นๆ อยู่ 3 ตัว ได้แก่ Champagne Beetroot, Caramel Corn และ Organic Carrot cake เป็นต้น
คอนเซปท์ของชุดน้ำชานี้ จริงๆ อ้างอิงมาจากชื่อห้องอาหาร “Secret Garden” ดังนั้นจึงทำขนมออกมาให้รูปลักษณ์เป็นต้นไม้ต่างๆในสวน อย่างเช่น เค้กแครอท หรือ เจ้ามาการองรูปต้นกระบองเพชร โดยวัตถุดิบต่างๆที่ใช้นั้น เขาก็จะคัดสรรผลผลิตออร์แกนิคจากชาวสวนไทยโดยตรง
Champagne Beetroot หรือ เจ้ากระบองเพชรที่ตั้งเด่นเป็นสง่า ฐานของเขาจะเป็นทาร์ตช็อคโกแลต รสชาติเข้มข้น โรยด้วยครัมเบิล และในส่วนของต้นกระบองเพชร จะเป็นมาการองไส้แชมเปญบีทรูท สำหรับตัวเปลือกมีความกรอบนอกเล็กๆ หนึบๆข้างใน ไส้มีกลิ่นหอมของแชมเปญอ่อนๆ
ต่อมา Caramel Corn ในส่วนของฐานข้างล่าง เป็นฟินองเซียเนื้อฉ่ำๆ มีเนื้อข้าวโพดแทรกอยู่ ข้างบนเป็นมูสข้าวโพดเนื้อนุ่มละมุน กั้นกลางด้วยแผ่นไวท์ช็อคโกแลตบางๆ
และตัวที่สาม Organic Carrot cake เสิร์ฟมาในถ้วยแก้วทรงกลม ทำออกมาเหมือนเป็นกระถางที่ปลูกแครอทจิ๋วอยู่ ข้างในแก้วจะเป็นเนื้อเค้กแครอทนุ่มๆ หอมกลิ่นเครื่องเทศต่างๆ มีสัมผัสของกรุบๆของถั่วด้วย และ สลับชั้นกับครีมชีสฟรอสติ้ง ข้างบนโรยด้วยครัมเบิล และตกแต่งด้วยแครอทน้ำตาลจิ๋ว
นอกจากขนมสามอย่างนี้ ก็ยังมีขนมอย่างอื่นอีกมากมาย เรามาเริ่มกันที่ของคาวก่อนแล้วกัน เป็นเบอเกอร์ที่สอดไส้ด้วยชีสนุ่มๆ มีกลิ่นเป็นเอกลักษณ์ และ ผักต่างๆ ที่สำคัญเขาทาแยมสตรอเบอรรี่บนขนมปังด้วย คือ ดูเหมือนจะไม่เข้ากัน แต่พอทานรวมกัน ก็รู้สึกว่า ทั้งรสชาติ ทั้งกลิ่น มันผสมผสานกันอย่างลงตัว
ต่อมาเป็น ชูไส้แซลมอนรมควันครีมชีส สำหรับชิ้นนี้มันทำให้นึกถึงขนมปังเบเกิ้ลที่สอดไส้ด้วยแซลมอนรมควัน และ ครีมชีสมันๆ เค็มนิดๆ แต่อันนี้เขาใช้เป็นแป้งชูแทน ซึ่งก็ถือว่า โอเคอยู่นะครับ
และสุดท้ายสำหรับของคาว ก็คือ แซนวิชแฮมชีส
และ ที่ขาดไปไม่ได้สำหรับชุดน้ำชายามบ่าย ก็คือ สโคน โดยมี 2 รสชาติด้วยกัน คือ สโคนลูกเกดสอดไส้ครีมชีสและสตรอเบอรี่ และ สโคนช็อคโกแลต ตัวแป้งสโคนดี ไม่แตกร่วน แต่ความรู้สึกส่วนตัวสโคนช็อคโกแลต เนื้อจะออกแห้งกว่าหน่อยๆ
โดยเขาก็จะเสิร์ฟมากับ แยมสตรอเบอรี่ และ น้ำผึ้งป่า แบบนี้
นอกจากนี้ยังมี Mixed berry Compote และ Cream cheese อย่างที่บอก สโคนช็อคโกแลตจะออกแห้งหน่อย แต่ทานคู่กับมิกซ์เบอรี่คอมโพท ก็เข้ากันดีครับ รสออกเปรี้ยวอมหวานนิดๆ หอมกลิ่นเบอรี่ โดยเฉพาะ กลิ่นราสพ์เบอรี่
หลังจากเราเคลียร์ชั้นล่างไปหมดแล้ว เรามาต่อบนกระดานกัน
นั่นก็คือ พิสตาชิโอโอเปร่าเค้ก คือ โดยทั่วไปเค้กโอเปร่า จะใช้ถั่วอัลมอนด์ในการทำเนื้อเค้ก แต่ของที่นี่พิเศษ โดยเขาจะใช้ถั่วพิสตาชิโอแทน สลับชั้นกับบัตเตอร์ครีมกาแฟ และ ช็อคโกแลตกานาช ทานรวมกันแล้วรู้สึกว่ามันมีความชุ่มฉ่ำ นุ่มๆ หอมกาแฟ
ขอโทษครับ!! เรามองข้ามของคาวไปอีกหนึ่งอย่าง คือ ชิ้นนี้เลย เป็นทาร์ตปู แป้งทาร์ตมีความกรอบ ไส้ข้างในเป็นสลัดเนื้อปู ปูมีความสด เนื้อแน่น หอมกลิ่นผักและเครื่องเทศต่างๆที่ปรุงสลัด
กลับมาของหวานอีกครั้ง ชิ้นนี้เป็น ชูเกาลัค แป้งชูแบบเดียวกับชูแซลมอน ไส้เนียนๆหวานๆ มีกลิ่นหอมของเกาลัคนิดๆ
และปิดท้ายด้วยทาร์ตผลไม้ มีทั้งกีวี่ และ มะม่วง ไส้ข้างในเป็นเพสตรี้ครีมเนียนๆ หวานไม่มาก พอมาทานคู่กับผลไม้หวานๆข้างบน ทำให้รสชาติความหวานออกมาพอดี
โดยเฉพาะ ทาร์ตมะม่วง มันมีความหอมหวานของมะม่วงมากๆ
ในส่วนของชุดน้ำชานี้ จะอยู่ที่ชุดละ 1,200++ บาท สำหรับ 2 ท่าน
เปิดบริการทุกวันตั้งแต่เวลา 14:00 น. – 17:00 น.
และ พิเศษสำหรับสมาชิกผู้ถือบัตร ดิ แอทธินี คลับ รับส่วนลด 10% เฉพาะค่าอาหาร
เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 7:00 น. – 22:00 น. และ Happy Hours: ตั้งแต่เวลา 18:00 น. – 21:00 น.
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและสำรองที่นั่งได้ที่โทร. 02 650 8800 ต่อ 4333
อีเมลล์ [email protected] เว็บไซต์: theluxurycollection.com/theatheneehotel และ www.theatheneehotel.com
ปิดท้ายด้วยรูปขนมอีกซักรูป
KinlakeStars.com กินแหลกแจกดาว สื่ออาหารและการท่องเที่ยว ที่นำเสนอเกี่ยวกับ อาหาร และ การกินดื่ม รวมถึงการท่องเที่ยวและที่พัก ทั้งในส่วนของ รีวิว อาหาร สถานที่ กิน ดื่ม เที่ยว พัก ผ่อนคลาย ในทุกประเภทหมวดหมู่ โปรโมชั่น ส่วนลด เมนูใหม่ กิจกรรมพิเศษ ที่เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม บทความที่เกี่ยวกับการ กินดื่ม ไม่ว่าจะเป็น บทความกินดื่มทั่วๆไป อาทิ วิธีการ กินชีส และการดื่มไวน์ บทความการกินเพื่อสุขภาพ บทความการกินตามเทศกาล บทความสาธิตและสอนทำอาหาร สูตรทำอาหาร ข่าวสารในแวดวง การกิน ดื่ม คลิปและวีดิโอ เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม ท่านสามารถค้นหาร้านอาหารผ่านแถบค้นหาด้านบนสุดของเวปได้เพียงพิมพ์ชื่อร้าน หรือประเภทอาหาร และย่าน คิดถึงเรื่อง กิน ดื่ม คิดถึง kinlakestars.com – กินแหลกแจกดาว