หากจะกล่าวถึงร้านอาหารไทยที่มีวิวงดงาม เห็นทัศนียภาพกรุงเทพฯมุมสูงได้อย่างงดงามก็คงหนีไม่พ้น Saffron โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพฯ ซึ่งไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมาทางห้องอาหารก็ได้ประกาศเปิดตัวห้องอาหาร SAFFRON ที่ยกเครื่องใหม่ ตกแต่งสไตล์ไทยรูปแบบผสมผสานที่ได้รับการออกแบบการปรับปรุงใหม่ ซึ่งทำให้ร้านอาหารของโรงแรมมีเอกลักษณ์ทางสุนทรียรสแห่งใหม่ งดงามตระการตามากยิ่งขึ้น
รูปแบบการออกแบบภายในใหม่ที่ชัดเจนจากไสตล์ Décor โดยใช้ประโยชน์จากสีและลวดลายของไม้ที่สะท้อนถึงอารมณ์และความรู้สึกแสนอบอุ่น อีกทั้งการสอดแทรกผ้าไหมไทยลงไปในการออกแบบ ซึ่งเป็นวัสดุที่ดีสำหรับการสะท้อนความเป็นไทยในแบบหรูหรา
ในขณะที่ลูกเล่นใหม่ๆ อย่างครัวเปิด ซึ่งห้องอาหารไทยมักเป็นครัวปิด จะหาครัวเปิดนั้นมักเป็นเรื่องยากและมิค่อยมีใครทำกัน แสดงถึงความชำนาญและเชี่ยวชาญในการปรุงของทีมงานทำอาหาร ควบคุมและกำกับการแสดงโดยหัวหน้าเชฟเรณู
และ ผนังดอกบัวที่ทำจากทองแดง ดอกบัว / Lotus Flower เป็นองค์ประกอบที่แสดงออกถึงความเป็นมิตร ความนอบน้อม การให้บริการ การกำเนิดจากแผ่นดิน และ ความเงียบสงบ
ความสวยงามอลังการนั้นยังรวมถึงวิวทิวทัศน์ที่ Saffron Sky Garden สูง 51 ชั้นที่มีเสน่ห์ ทิวทัศน์เมืองที่งดงาม
เริ่มต้นมื้อด้วยการล้างมือ วัฒนธรรมการกินแบบไทยเรานั้นในอดีตมันใช้มือกิน ดังนั้นการล้างมือก่อนกินข้าวจึงเป็นสิ่งจำเป็น มีบางบันทึกกล่าวถึงการล้างมือด้วยน้ำสมุนไพรก่อนกินข้าว โดยมักทำกันในรั้ววังไปจนถึงบรรดาบ้านขุนนาง คหบดี ผู้ดีทั้งหลาย
ทาง Saffron จึงมีการล้างมือให้แขกที่มาใช้บริการทุกท่านด้วยน้ำสมุนไพรอุ่นๆ จากเหยือกโดยมีถ้วยรอง และเช็ดมือด้วยผ้าสะอาด
เริ่มต้นด้วยของว่างก่อนมื้ออาหารที่ทางห้องให้บริการฟรีสำหรับแขกทุกท่านที่มาเยือน
ข้าวตังกับข้าวเกรียบแซฟฟรอน
มาพร้อมนํ้าพริกหนุ่ม นํ้าพริกอ่อง นํ้าพริกหน้าตั้งที่ประกอบด้วยไก่กะทิ
ข้าวตังและข้าวเกรียบบางเฉียบ กรอบเคี้ยวได้อร่อย ทานคู่กับ นํ้าพริกสามแบบ ซึ่งรสชาติต่างกัน ทั้งเปรี้ยว เค็ม หวาน พร้อมกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ จากทั้งสามนํ้าพริก เป็นออเดิร์ฟเล็กๆที่ทำให้เปิดมื้อนี้ได้อย่างน่าสนใจ
เมี่ยงคำ กับปลาสำลียำมะม่วง
เมี่ยงคำรสนัวที่มีความหอมของใบชะพลูและมะพร้าวคั่วกรอบๆลงตัวกับเนื้อครีมที่ผสมกะทิ เนื้อปลาแน่นๆในหนึ่งคำมาพร้อมมะม่วงยำรสเปรี้ยวหวาน เปิดปุ่มรับรสให้ตื่นขึ้นอย่างเต็มที่
มาต่อกันด้วยจานของว่างแสนอร่อย กินง่าย เรียกน้ำย่อยได้ดีกันครับ
ปอเปี๊ยะปูสด ซอสมะม่วง
ปอเปี๊ยะปูสด ซอสมะม่วง เมนูสีสันสวยงาม ปอเปี๊ยะสดเนื้อแป้งเหนียวนุ่มประดับด้วยดอกอัญชัญอัดแน่นด้วยไส้ผักกรอบๆ และเนื้อด้านใน ราดซอสมะม่วงสูตรพิเศษ ที่มีความเปรี้ยว
ซุป
ต้มข่า cappuccino หอยเชลล์ย่าง
ต้มข่าที่ present ออกมาได้อย่างน่ารักมากๆ ด้วยการทำกิมมิคให้มีฟองข้างบนและเสิร์ฟมาในแก้วกาแฟ ท็อปด้านบน ด้วยหอยเชลล์ย่าง ต้นหอม และทองคำเปลว เป็นเมนูที่แค่เห็นก็ยิ้มด้วยความน่ารัก
ข้าว
ข้าวเป็นอีกปัจจัยและองค์ประกอบสำคัญของการกินของไทย มิฉะนั้นคงไม่มีประโยคที่ว่า “กินข้าวหรือยัง / ไปกินข้าวกันไหม / หิวข้าวรึไม่” ซึ่ง Saffron ก็ได้ให้ความสำคัญกับข้าวมาก ข้าวที่นี่มี 4 แบบให้เลือก
+ ข้าวแซฟฟรอนผสมตัวหญ้าแซฟฟรอนหรือหญ้าฟั่น
+ ข้าวกล้องดอย ที่มีวิตามินสูง
+ ข้าวมันปู
+ และข้าวหอมมะลิ
จานหลัก กับข้าว
กุ้งลายเสือผัดพริกสมอย่าง เสิร์ฟคู่พร้อมกับ ข้าวเหนียวรสลาบพันด้วยแป้งปอเปี๊ยะ
กุ้งเด้งตัวใหญ่คลุกเคล้าเครื่องเทศรสชาติจัดจ้านจากพริกสามอย่างทำให้มีความขมปลายเล็กๆ บีบมะนาวแล้วเข้ากัน
ข้าวเหนียวรสลาบ รสจะเบาๆแต่มีกลิ่นลาบเล็กน้อย กรอบนอกเคี้ยวหนึบ จากแป้งปอเปี๊ยะด้านนอกด้านในรสสัมผัสเหมือนโมจิ แปลกใหม่ดีครับ
จานหลัก จานเดี่ยว
ข้าวซอยแห้ง
ข้าวซอยเป็นหนึ่งในอาหารยอดนิยมที่ใครหลายคนชื่นชอบและรู้จักกันดี โดยทั่วไปข้าวซอยจะมีลักษณะเป็นเหมือนก๋วยเตี๋ยวน้ำที่ตัวซุปเป็นแกงกะทิ แต่งานนี้เชฟเรณูคนเก่งได้สร้างสรรค์ข้าวซอยมาใหม่เป็นข้าวซอยแห้ง พออ่านกันมาตรงนี้หลายคนคงยังนึกไม่ออก เราไปดูกันเลยว่ามันเป็นอย่างไร
ด้านในมีไส้อั่วยีละเอียด หมูแผ่น โรยด้วยเส้นแคปหมูกรอบๆ ซึ่งมาพร้อมกับนํ้าราดแยกเผื่อเติมผักดอง และนํ้ามันพริก เป็นอีกหนึ่งเมนูเด่น ที่รสชาติดี กลมกล่อม กลิ่นหอมตามแบบฉบับของข้าวซอยดั้งเดิม
ของหวาน
ปลากริมเผือกไอศกรีมมันม่วง
สมัยนี้อะไรๆก็ต้องมันม่วง แต่เชื่อเถอะคุณๆทั้งหลาย ไม่อร่อยจริงคงไม่ฮิดติดกระแสยาวนานไม่มีซาขนาดนี้แน่ เชฟเรณูจึงนำมันม่วงมาทำปลากริมด้วย เนื้อกะทิเข้มข้น หวานกำลังดี ด้านในมีเส้นปลากริมเผือกและแปะก๊วยหนึบๆ ทานพร้อมกับไอศกรีมมันม่วงหอมๆเย็นๆ ด้านข้างมีเครื่องเคียงเป็นมันม่วงกรอบและลูกชุบ
เมนูนี้ไม่หวานมากเกินไป เน้นรสสัมผัสนุ่มนวลและความหอมของมันม่วง สำหรับผู้ไม่ชอบทานหวานน่าจะรับประทานได้ครับ
และแน่นอนว่า Fine dining จะขาด petit four ไปไม่ได้เลย
แต่ความพิเศษของ petit four นำเสนอมาอย่างสวยงาม น่ารักประทับใจ และแสดงออกถึงความเป็นไทยได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ด้านบนเป็นขนมชั้นรูปร่างต่างๆ เนื้อสัมผัสแน่นๆหวานกำลังดีตรงชั้นกลางเป็นดาราทองหรือทองเอกกระจัง ด้านบน คล้ายทองหยอดแต่มีความหนึบ ด้านล่างมีความกรุบกรอบ ทำมาจากเมล็ดแตงโม
ชุดอาหารกลางวัน
อีกสิ่งที่มาพร้อมกับการปรับปรุงห้องอาหารใหม่ภาพลักษณ์ใหม่ นั้นก็คือการเพิ่มชั่วโมงบริการ Saffron เปิดให้บริการอาหารกลางวันทุกวันพร้อมด้วยเมนูชุดใหม่ที่น่าสนใจเริ่มต้นเพียง 550 ++ บาทเท่านั้น มีชุดอาหารสามชุด 4 คอร์สให้เลือกสรรพร้อมกับอาหารจานเด่นเช่น ส้มโอสลัดด้วย ปูนิ่ม, แกงเขียวหวานย่าง และแกงกุ้งรสเผ็ดแบบดั้งเดิมและซุปสมุนไพร ต้มยำกุ้ง นอกจากนี้ยังมีชุดอาหารมังสวิรัติและเมนูตามสั่งอีกด้วย
และในครั้งนี้เรามีให้ชมเป็นตัวอย่าง 2 ชุด จะคุ้มค่า วิจิตรขนาดไหน ไปดูกันเลยครับ
แซฟฟรอน set 550 (lunch set)
ขนมจีนแกงกะทิเนื้อปูใบชะพู ต้มยำกุ้ง หมูทอดใบมะกรูดเสิร์ฟพร้อมนํ้าสมุนไพรและข้าวสามสีห่อใบตอง ของหวานเป็นลูกชุบเสิร์ฟพร้อมไอศกรีมมะม่วง
นํ้ายาหอมกะทิออกหวานเล็กน้อย เช่นเดียวกับเนื้อปูแน่นๆ กินคู่กับขนมจีนเส้นเหนียวนุ่ม เคียงมาด้วยไข่เค็ม ตัดกันอย่างครบรส หมูทอดใบชะพู หมูทอดกรอบหอมรสชาติเข้ม คลุกเคล้ากับกลิ่นหอมของใบมะกรูดร้อนๆ
ต้มยำกุ้งนํ้าข้น หอมมัน ขนาดกุ้งกำลังพอดีคำรสชาติเข้มข้นไม่เผ็ดครับ
ไอศกรีมมะม่วงสุกสดๆรสชาติหวานหอมอมเปรี้ยวเล็กๆ ไม่ถึงกับเป็นซอร์เบต แต่ไม่ได้ผสมนม โรยด้วยเนื้อมะม่วงสดๆหวานอมเปรี้ยวกำลังดี กินแล้วช่วยคืนความสดชื่นหลังจบมื้ออาหารให้พร้อมทำงานตอนบ่ายต่อ
Lotus set 550 (lunch set)
ยำส้มโอปูนิ่ม ต้มยำเห็ดนํ้าใส แกงเขียวหวานปลากระพงย่างเสิร์ฟพร้อมนํ้าสมุนไพรและข้าวสามสีห่อใบตองเช่นกัน ของหวานเป็นกล้วยทอดเสิร์ฟพร้อมไอศกรีมชาไทย
ยำส้มโอปูนิ่ม ปูนิ่มกรอบทานคู่กับส้มโอกรุบรสชาติหอมมันด้วยซอสนํ้าพริกเผา ถึงขึ้นชื่อว่ายำแต่ไม่ใช่ยำเปรี้ยวหวานแต่อย่างใด รสชาติเข้มข้นหอมมันมากกว่าครับ
ต้มยำเห็ดนํ้าใส หอมกลิ่นสมุนไพร รสชาติเบาๆมาพร้อมเห็ดกรอบๆและเนื้อน่องลาย ซึ่งไม่เหนียวเคี้ยวง่าย หากไม่กินเนื้อสามารถแจ้งพนักงานได้นะครับ แกงเขียวหวานปลากระพงย่าง หอมหวานตามแบบฉบับ
กล้วยทอดกรอบๆเสิร์ฟคู่ไอศกรีมชาไทยหอม กล้วยทอดแป้งกรอบไม่อมนํ้ามัน ทานร้อนๆ คู่กับไอศกรีมชาไทยเย็นๆ ลงตัวเข้ากันมาก โดยกล้วยทอดจะมีความหวานพอสมควรตามรสกล้วย แต่ไอศกรีมชาไทยหวานน้อยกำลังดีครับ
ข้อมูลสำคัญ
Saffron Thai Restaurant ตั้งอยู่ที่ชั้น 52 ของโรงแรมบันยันทรีกรุงเทพฯ
เปิดให้บริการทุกวันสำหรับมื้อกลางวันตั้งแต่เวลา 11.30 น. – 2.30 น. และอาหารค่ำตั้งแต่เวลา 06.00 – 10.30 น. พร้อมห้องส่วนตัว
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและสำรองที่นั่งได้ที่ 02 679-1200
thai cuisine, fine dining, saffron, new saffron, review, banyan tree
kinlakestars.com
KinlakeStars.com กินแหลกแจกดาว สื่ออาหารและการท่องเที่ยว ที่นำเสนอเกี่ยวกับ อาหาร และ การกินดื่ม รวมถึงการท่องเที่ยวและที่พัก ทั้งในส่วนของ รีวิว อาหาร สถานที่ กิน ดื่ม เที่ยว พัก ผ่อนคลาย ในทุกประเภทหมวดหมู่ โปรโมชั่น ส่วนลด เมนูใหม่ กิจกรรมพิเศษ ที่เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม บทความที่เกี่ยวกับการ กินดื่ม ไม่ว่าจะเป็น บทความกินดื่มทั่วๆไป อาทิ วิธีการ กินชีส และการดื่มไวน์ บทความการกินเพื่อสุขภาพ บทความการกินตามเทศกาล บทความสาธิตและสอนทำอาหาร สูตรทำอาหาร ข่าวสารในแวดวง การกิน ดื่ม คลิปและวีดิโอ เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม ท่านสามารถค้นหาร้านอาหารผ่านแถบค้นหาด้านบนสุดของเวปได้เพียงพิมพ์ชื่อร้าน หรือประเภทอาหาร และย่าน คิดถึงเรื่อง กิน ดื่ม คิดถึง kinlakestars.com – กินแหลกแจกดาว