Learning to enjoy what we have rather than what we want is the art of appreciation.
ชีส เป็นหนึ่งในศาสตร์ของอาหารที่ถือว่าเป็น ศิลปะชั้นสูง ซึ่งชีสนั้นมีมากมายหลายพันชนิด แต่ละชนิดมีที่มา ประวัติศาสตร์ กรรมวิธีการทำ วัตถุดิบที่แตกต่างกัน รวมถึงรสชาติ รสสัมผัส ทำให้การทานชีสนั้นเป็น หนึ่งในศิลปะการกินชั้นสูง ไม่แพ้การดื่มไวน์เลยครับ
Scarlett ห้องอาหารฝรั่งเศสที่ขึ้นชื่อในเรื่องไวน์ อาหารฝรั่งเศสสไตล์บริสโตร์และวิวอันงดงามจากชั้น 38
ช่วงนี้ที่ร้าน Scalett มีการนำ สุดยอด cheese master จากฝรั่งเศส มาทำการแนะนำชีสที่เรียกได้ว่าเป็น ที่สุดจากฝรั่งเศส มาเพื่อให้คนที่ชื่นชอบชีส หรือ คนที่อยากเรียนรู้ศิลปะการทานชีส มาเลือกกินได้ พร้อมทั้งสามารถพูดคุยถามเรื่องราวที่มาของชีสแต่ละชิ้นได้ ทำให้สามารถที่จะเรียนรู้การ appreciate ในประวัติ ขั้นตอน ที่มาของชีสแต่ละชิ้น เป็นประสบการณ์ใหม่ๆที่น่าจดจำดีครับ
ในส่วนของชีสที่ได้ชิมวันนี้จะมี (เรียงจากขวามาซ้าย) 1) Figou Fermier 2) Banon 3) Bouchon Sarment d’Amour 4) Saint Nicolas Dalmerie 5) Trefel Fermier Lerat 6) Camember Jort 7) Coeur de Neufchatel 8) Pont L’Eveque 9) Brie Aux Truffes 10) Fourme D’Ambert
สำหรับตัวแรก Figou Fermier จะเป็นชีสนุ่มคล้ายๆครีมที่มีการผสมแยมฟิกลงไป เป็นชีสที่มาจากแคว้น Limousin ฝรั่งเศส เป็นครีมชีสนุ่มๆเบาๆ ที่มีรสหวานของแยมฟิก แทรกลงไป
Banon เป็น Goat cheese ที่มีทั้งกลิ่นและรสชาติที่เข้มข้นขึ้นมา แต่ยังคงความนุ่ม เข้ากันได้ดีกับไวน์ขาวมากๆครับ
Bouchon Sarment d’Amour เป็นชีส หน้าตาน่ารักมีการปักกิ่งองุ่นลงไป เป็นชีสที่มาจาก Ardèche และอาจหาทานได้ยากหน่อย จะมีรสชาติอ่อนๆ แต่มีความแน่นและเป็นครีมๆหน่อย
Saint Nicolas Dalmerie เป็นชีสที่ผลิตจาก Monastery of St Nicolas ในหมู่บ้าน Dalmerie ตัวชีสจะนุ่มและค่อยๆละลายในปากพร้อมให้กลิ่นสมุนไพรบางๆออกมา
Trefel Fermier Lerat ตัวนี้เป็นหนึ่งในตัวที่ผมชอบ รสสัมผัสแน่น มีรสชาติเข้มหน่อย กับกลิ่นที่หอมชัดเจน ทานคู่กับไวน์ได้รสชาติดี
Camember Jort เป็นชีสที่มาจากแคว้น นอร์มังดี จะมีความแน่น รสเค็มนิดๆ ของชีส เข้ากันดีกับขนมปังฝรั่งเศส
Coeur de Neufchatel เป็นชื่อชีสที่เหมือนกับเมืองใน สวิตเซอร์แลนด์ แต่เป็น ชีสในฝรั่งเศส จะเป็นชีสเนื้อแน่น แต่ไม่นุ่มมากนัก มีกลิ่นเบาๆ
Pont L’Eveque เป็นชีสที่มีรสสัมผัส เนื้อกลางนุ่ม เรียบ ค่อนข้างมีรสชาติเข้มข้น ทานกับขนมปัง หรือ ทานเปล่าๆ ก็อร่อยดีครับ
ถัดมา เป็น ตัวที่ผมถือไปไฮไลท์เลย Brie Aux Truffes เป็นชีสที่มีราคาแพงมาก โดยมีการนำเห็ดทรัฟเฟิลขาว เข้าไปในเนื้อชีสบรี ให้มีกลิ่นทรัฟเฟิลเบาๆ ไม่ฉุนกลบกลิ่นชีส มีรสชาตเค็มชีสหน่อยๆ กัดไป มีเนื้อของเห็ดทรัฟเฟิลปนอยู่ อร่อยมากครับ
ตัวนี้เป็นตัวที่ผมชอบที่สุด Fourme D’Ambert เป็น บลูชีส แต่เป็น บลูชีสที่กลิ่นไม่ฉุนเกินไป รสชาติเข้มข้น ทานเข้าไปให้กลิ่นและรส ที่อร่อยมาก กินคู่กับไวน์ขาว อร่อยมากเลยครับตัวนี้
สำหรับราคาจะเป็น 1 cheese: 180++, 3 cheese 450++, 5 cheese 750++, 8 cheese 1200++ ถ้าเป็นคนชอบชีส ไม่ควรพลาดเลยครับ
นอกจากนี้ยังมี A La Carte สำหรับจานแรกคือ Lyonnaise Sald, ที่มี Frisee lettuce, smoked duck breast, duck gizzard, poached egg and bacon (360++) จานนี้ น้ำสลัดให้ความสดชื่นมาก เมื่อกินกับอกเป็ดรมควัน เบคอน ให้กลิ่นที่หอม เข้ากับผักสดๆ มีรสของไข่ลวก เข้ากันได้ดี อร่อยและให้ความรู้สึกไม่หนัก สบายท้องดีครับ
จานถัดมาเป็น Le Crabe Royal d’ Alaska, คือสลัด ปูอลาสก้าคิงแครป กับน้ำสลัด Dijon Maustard, mayonnaise mango and avocado (580++) จานนี้ ให้ปูมาชิ้นใหญ่มาก กับสลัดผักสดๆ แต่ส่วนตัวผมไม่ค่อยชอบปูอลาสก้าเท่าไหร่เนื่องจากเนื้อจะหยาบและไม่ค่อยหวานเท่าปูอื่นๆ แต่ถ้าเป็นคนชอบปูอลาสก้าจานนี้ ไม่ควรพลาดครับ
La Cote de Boeuf ‘Maturee’, 3-4 weeks dry aged prime rib with bone (1KG) เสริฟกับ ซอส 3 ชนิด Bearnaise, Pepper, Blue cheese และยังมีมันฝรั่งทอด (2500++) จานนี้ แค่เห็นก็รู้สึกหิวทันที เนื้อชิ้นโต ย่างมาสุกแบบพอดี เนื้อนุ่มฉ่ำ อร่อยมากครับ ส่วนตัวผม แค่ทานคู่กับ เกลือซีซอลต์ ก็อร่อยสุดๆ แล้วครับ
Dug leg confit เสริฟพร้อมกับ pommes rissoles (640++) อาหารฝรั่งเศสยอดนิยม จานนี้กับหนังที่กรอบ เนื้อเป็ดที่นุ่มมาก ทานกับซอส pommes rissoles ที่มีรสอมเปรี้ยวนิดๆ จานนี้อาจมีติที่เป็นอาจเค็มไปหน่อย และมันที่หนังเป็ดยังมีอยู่ แต่โดยรวมก็อร่อยดีครับ
ถัดมาเป็นของหวาน Chocolate Profiteroles- Vanilla ice cream (280++) ในขนมพัฟ ราดด้วยซอส ช้อกโกแล้ต จานนี้แป้งพัฟหอมๆเนย ทานกับไอศกรีมเย็นๆ ที่มีซ้อสช้อกโกแล้ตเข้มข้นราด อร่อยดีครับ แต่แอบอยากให้ ไอศกรีมมีความเข้มข้นกว่านี้
อีกจานจะเป็น Granny Smith Apple Tart (250++) จานนี้แป้งทาร์ตอร่อยมาก มีรสสัมผัสที่กรอบแต่แน่น ไม่แข็งไม่แตก มีความหอมเนย เข้ากับแอปเปิ้ลที่มีความเปรี้ยวสดชื่น กินกับไอศกรีมวนิลาเย็น ตัดกับความอุ่นของทาร์ต อร่อยดีครับ
สำหรับผม มื้อนี้ไม่แค่เป็นการทานอาหาร แต่เป็นเรียนรู้ที่จะ ชื่นชม ที่มาของอาหาร การหาประสบการณ์ ทำให้มื้อนี้เป็นมื้ออาหารที่ได้เรียนรู้ ไปพร้อมกับมีความสุขจากการกิน