กลับมาอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่เป็นปีที่ 7 สำหรับงานเทศกาลอาหาร “SO Amazing Chef 2018”ซึ่งในปีนี้มีเชฟชื่อดังและผู้เชี่ยวชาญด้านอาหาร จากทั่วโลก มาร่วมประชันความสามารถทั้งหมด 21 ท่าน รวมดาวมิชลินถึง 14 ดวงไว้ในงานเดียวกัน เตรียมพบกับกิจกรรมน่าตื่นตาตื่นใจและประสบการณ์ที่หาไม่ได้ที่ไหนตลอด 10 วันเต็ม ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 14 ถึงวันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน 2561 ณ โรงแรมโซโซฟิเทล แบงคอก
ครั้งนี้ Kinlakestars.com ได้รับเชิญให้มาลิ้มลองอาหารที่จะมีการเสิร์ฟในงานจริง ซึ่งจัดขึ้นก่อนเป็นกรณีพิเศษ รังสรรค์โดยเชฟบาสเตียน ฟอลเก้นรอท– เมืองดุสเซลดอร์ฟ ประเทศเยอรมนี (1 ดาวมิชลิน) เรามาดูกันเลยว่าจะสร้างสรรค์ ตระการตา ตื่นตะลึงขนาดไหน
ก่อนที่เชฟบาสเตียนจะเปิดห้องอาหาร U.Das และได้รับ 1 ดาวมิชลินในปี ค.ศ. 2013 เขาได้ผ่านประสบการณ์ในการร่วมงานกับเชฟชื่อดังมากประสบการณ์หลายท่าน อาทิ เชฟโฮลเกอร์ เบเรน เชฟนีล เฮนเคิล และยังเคยเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของห้องอาหาร Patrick le Guern จนได้รับการจดทะเบียนลง Gault –Millauในฐานะห้องอาหารทะเลที่ดีที่สุดในเมืองดุสเซลดอร์ฟ นอกจากนี้เชฟบาสเตียนยังเคยได้รับเลือกจากหนังสือพิมพ์ Frankfuter Allegemeine Zeitungว่าเป็น “เชฟที่ได้รับการชื่นชอบมากที่สุดในปี ค.ศ 2017”
เริ่มต้นกันด้วยขนมปัง
ขนมปังเริ่มมื้ออาหาร แม้จะดูเป็นอะไรที่ธรรมดาสำหรับใครหลายคน แต่สำหรับที่นี่ ขนมปังจะถูกเสิร์ฟมา ทุกรูปแบบค่อยๆบรรจงจัดวางอย่างสวยงามบนจานสีดำ ทุกชิ้นอร่อย สวย ควรค่าแก่การลิ้มลอง ด้วยการนำเนยฝรั่งเศสชั้นเลิศมาใช้
ตามมาด้วยอมูชบูช Amuse Bouche
อมูชบูชในมื้อนี้ เชฟได้ลงมือรังสรรค์ ปรุงขึ้นมาเพื่อแขกทุกคนได้ลิ้มลอง จะสร้างสรรค์ขนาดไหนไปดูกันเลยครับ
1.Apple & Cereal
นับว่าเป็นการเปิดมื้ออาหารที่ดีเลยทีเดียว กับความสดชื่นสุดใจไปกับของเหลวรสหวานอมเปรี้ยวจากแอปเปิลเขียว ที่มาบนธัญพืชอบคล้ายข้าวตัง เสิร์ฟมาบนถาดไม้ตกแต่งด้วยก้อนหิน
2 ไก่สะเต๊ะ
อีกชิ้นที่ต้องทำให้ใครหลายคนว้าว เพราะปรุงโดยคนเยอรมัน ใช้เทคนิคการปรุงแบบฝรั่งเศส แต่รสออกมาอย่างไทยเลยทีเดียว จะจัดว่าเป็นอาหารไทยไปเลยเสียทีเดียวก็คงไม่ใช่ เพราะเจ้าสะเต๊ะเองมีต้นกำเนิดมาจากทางอินเดีย เจ้าเมนูนี้ทั้งรสและกลิ่นเหมือนสะเต๊ะมากๆที่ถูกแปลงรูปให้เป็นมูสในโดมเล็กๆ บรรจงวางลงบนขนมปัง รสมันของถั่วและกลิ่นเครื่องเทศทำให้เริ่มอยากอาหาร เทียบกับตัวก่อนมีรสที่หนักและเข้มขึ้น แต่ก็ยังเบาๆ
3. Foie gras Rock
มาจานนี้ทำให้ใครหลายคนเกิดอาการงงว่า “เอ๊ะ เอาก้อนหินมาทำอะไร” แน่นอนว่าสี รูปทรงรูปร่าง ขนาดทำออกมาได้เหมือนอย่างไร้ที่ติ แต่ถ้าสังเกตุดีๆ ก็จะเห็นไอน้ำที่เกาะอยู่ ก็จะรู้ได้เลยว่าก้อนไหนหินจริง ก้อนไหนหินกินได้นั้นเอง โดนเจ้าก้อนหินนี้อร่อยมาก ใครชอบความครีมมี่ๆหน่อย เจ้านี่ตอบโจทย์ได้ดีทีเดียวเลยครับ เปลือกเป็นช็อคโกแลตและข้างในเป็นฟัวกราส์นั้นเอง
ต่อต้วยจานเรียกน้ำย่อยกันครับ
1.
1
และเข้าสู่ Main Course
2.
u
3
u
เข้าสู่ของหวานกัน
4
9
และตัวสุดท้านเป็น Petit four
5
6
โดยตลอด 10 วัน ทางโรงแรมฯได้จัดเตรียมมื้อค่ำไว้ถึง 7 มื้อ พร้อมอีก 7 กิจกรรมที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น คลาสสอนทำอาหาร, บุฟเฟ่ต์มื้อบรั้นช์วันอาทิตย์, ชีสไนท์, ออยสเตอร์ไนท์ และที่เพิ่มขึ้นมาเป็นพิเศษในปีนี้ ได้แก่ เซ็ตมื้อค่ำติ่มซำ, ชีสและบาร์บีคิวบนเตาเซรามิก และค็อกเทลเมนูพิเศษโดยทีมบาร์เทนเดอร์จากดิอาจิโอ เวิลด์คลาส
สำหรับคลาสสอนทำอาหารในปีนี้ มีให้เลือกเรียนทั้งเมนูอาหารคาว พาสทรี และ ช็อกโกแลต ให้ท่านได้เรียนรู้ทักษะจากเชฟผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิด และเช่นเคยไฮไลท์ของงานจะอยู่ในคืนวันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน กับงาน “Culinary Showdown” การประลองฝีมือกันของเหล่าเชฟ ที่เปิดโอกาสให้แขกทุกท่านได้เห็นฝีมือและเคล็ดลับของเชฟแต่ละท่านอย่างใกล้ชิด โดยมีเหล่าคนดังในแวดวงอาหารของเมืองไทยเป็นผู้ตัดสิน
คุณธอร์สเท่น ริชเตอร์ ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมโซ โซฟิเทล แบงคอก กล่าวว่า “ย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นเมื่อ 8 ปีก่อน ทางโรงแรมฯเปิดตัวด้วยการรวมตัวของเชฟ 12 ท่าน จนมาถึงวันนี้เราได้รับเกียรติจากเชฟมากประสบการณ์ถึง 21 ท่าน จาก 8 ประเทศ ใน 3 ทวีป มารวมตัวกันเพื่อสร้างประสบการณ์สุดพิเศษที่หาไม่ได้ที่ไหน
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กรุงเทพมหานครได้เริ่มสร้างชื่อเสียงในฐานะเมืองที่เป็นแหล่งรวมของร้านอาหารชั้นเลิศ ทางโรงแรมโซ โซฟิเทล แบงคอก จึงรู้สึกภูมิใจมากที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมสร้างชื่อเสียงให้กับเมืองหลวงแห่งนี้”
ด้วยการรวมตัวของเหล่าเชฟ และ ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารจากทั่วโลก รวมถึงเชฟมากความสามารถจากโรงแรมในเครือแอคคอร์ โฮเทล รวม 30 ท่าน งานในปีนี้จึงเต็มไปด้วยสีสัน และ เอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมจากหลากหลายมุมโลก ที่เชฟแต่ละท่านตั้งใจมานำมาแสดงให้ทุกท่านได้เห็นตลอด 10 วัน
โดยในปีนี้มีเชฟระดับดาวมิชลิน และ เหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารแขนงต่างๆ ทั้งหมด 11 ท่าน เดินทางมาร่วมงาน SO Amazing Chefs เป็นครั้งแรกได้แก่ เชฟเจมส์ โนเบิล(เชฟผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ 2 ดาวมิชลินของห้องอาหาร The Pink Geraniumในประเทศอังกฤษ ปัจจุบันเป็นเจ้าของ The Boutique Farmers ฟาร์มออแกนิคในจังหวัดหัวหิน) เชฟมาริโอ้ บาริออส (เชฟขนมหวานของห้องอาหาร 2 ดาวมิชลิน Librije’s Zusjeในเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์) เชฟซิมอน สก็อต (เชฟเจ้าของ Bistrot Saveurs ห้องอาหาร 1 ดาวมิชลิน ในเมืองแคสเตรส ประเทศฝรั่งเศส) เชฟร็อบ แวน เดอ วีเคน (เชฟจาก Karpendonkse Hoeve ห้องอาหาร 1 ดาวมิชลิน ในเมืองไอนด์โฮเวน ประเทศเนเธอร์แลนด์) เชฟกี ลาสซอแซร์ (เชฟเจ้าของห้องอาหาร 2 ดาวมิชลิน Guy Lassausaieในเมืองลียง ประเทศฝรั่งเศส) เชฟบาสเตียน ฟอลเก้นรอท (เชฟเจ้าของห้องอาหาร 1 ดาวมิชลิน U. dasในเมืองดุสเซลดอร์ฟ ประเทศเยอรมนี) เชฟฟิลิปป์ ออริโก้(เชฟเจ้าของห้องอาหาร Upper Modern Bistro 1 ดาวมิชลิน และ On Dining Kitchen & Loungeในประเทศฮ่องกง) พร้อมเปิดตัว เชฟโธมัส สมิธหัวหน้าเชฟประจำโรงแรมโซ โซฟิเทล แบงคอก ซึ่งจะเข้าร่วมจัดงานในปีนี้เป็นปีแรก
ในปีนี้เรายังมีคู่คุณแม่ เชฟมาเรีย โจเซ่ ซาน โรมาน เชฟเจ้าของ Monastrell ห้องอาหาร 1 ดาวมิชลิน พร้อมด้วยลูกสาวมาเรีย ยูจีเนีย เพอร์รามอน โรมาน เจ้าของทาปาส บาร์ La Taberna del Gourmet เดินทางมาจากเมืองอาลิกันเต ประเทศสเปน มาร่วมงานอีกด้วย และอีกหนึ่งท่านที่น่าสนใจในปีนี้คือ เชฟนิโคลาส อิลาลอฟ เจ้าของ Man Mo ห้องอาหารติ่มซำแนวฟิวชั่นแห่งแรกของโลก ตั้งอยู่ในประเทศฮ่องกง และสุดท้ายเพื่อให้ค่ำคืนชีสไนท์ พิเศษกว่าทุกปี เรายังได้เชิญชีสมาสเตอร์ ลีโอ อูเกอร์นาเจ้าของรางวัล Best Young Cheesemonger in the World
นอกจากนี้ยังมีเชฟอีก 9 ท่านที่เดินทางกลับมาร่วมงานอีกครั้ง ได้แก่ เชฟพอล ลีแบรนดต์ (เชฟเจ้าของห้องอาหาร 2 ดาวมิชลิน Cortonในเมืองนิวยอร์กสหรัฐอเมริกา) เชฟนิโคลาส อิสนาร์ด (เชฟเจ้าของ ห้องอาหาร 1 ดาวมิชลิน L’Auberge de la Charmeในเมืองเปรนัว ประเทศฝรั่งเศส) ฌากส์ โคโคลลอส(ผู้เชี่ยวชาญและเจ้าของฟาร์มหอยนางรมคุณภาพเยี่ยมในฝรั่งเศส) แพทริซ และ ฟิลิป มาร์กชองด์ (พี่น้องชีสมาสเตอร์ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตนมที่เก่าแก่ที่สุด จากเมืองแนนซี่ ประเทศฝรั่งเศส) เชฟสเตฟาน บอนนา (เชฟผู้เชี่ยวชาญด้านช็อกโกแลตจากตระกูลผู้ผลิตช็อกโกแลตบอนนา ซึ่งเป็นช็อกโกแลตที่เก่าแก่ที่สุดในโลก) เชฟดีดิเย คาลู (เชฟผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องเทศ ) เชฟลีโอนาร์ด เอเลนบาส (เชฟผู้สาธิต ตัวแทนจาก Big Green Egg เตาย่างถ่านคุณภาพเยี่ยมจากยุโรป) เชฟบรูโน่ ดิเนล (เชฟเจ้าของร้าน Le Bistrot du Boulangerในเมืองสตราสบูร์ก เจ้าของรางวัล Bib Gourmand 2016)
นอกจากนี้ยังมีทีมเชฟมากความสามารถจากโรงแรมในเครือแอคคอร์ โฮเทล ทั้งโรงแรมโซ โซฟิเทล แบงคอก โรงแรมโซฟิเทล กรุงเทพฯ สุขุมวิท โรงแรม วี กรุงเทพฯ เอ็มแกลเลอรี บาย โซฟิเทล และ โรงแรมโฮเทลมิวส์ แบงค็อก มาร่วมสร้างสีสันในงานปีนี้อีกด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร 02-624-0000 หรือทางอีเมล์ [email protected]
รายชื่อของเชฟชื่อดังทั้ง21 ท่าน มีดังนี้
- เชฟพอล ลีแบรนดต์ – เมืองนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ( 2 ดาวมิชลิน )
โด่งดังจากสารคดีเกี่ยวกับอาหารเรื่อง A Matter of Taste: Serving Up Paul Liebrandt (ปี ค.ศ. 2001) หลังจากนั้นเชฟพอลได้ทำงานอยู่ในนิวยอร์ก ในฐานะเชฟและหนึ่งในเจ้าของห้องอาหาร 2 ดาวมิชลินอย่าง Corton เชฟพอลเป็นที่พูดถึงและได้รับการยอมรับอย่างมาก ในปี ค.ศ. 2000 หนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทม์ ยกให้เขาเป็น เชฟระดับ 3 ดาวที่อายุน้อยที่สุด และในปี ค.ศ.2002 นิตยสาร Esquire เลือกให้เขาเป็น The Best and the Brightest นอกจากนี้เขายังได้รับเลือกให้เป็น Best New Chef จาก Food and Wine ในปี ค.ศ. 2009 อีกด้วย
- เชฟเจมส์ โนเบิล– หัวหินประเทศไทย ( 2 ดาวมิชลิน )
เชฟชาวอังกฤษผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของร้านอาหารระดับมิชลิน 2 ดาว ในสหราชอาณาจักร และ เชฟส่วนตัวของนักร้องชื่อดังอย่าง มิก แจ็กเกอร์ ก่อนจะผันตัวมาเป็นผู้ก่อตั้งฟาร์มออแกนิกในหัวหิน The Boutique Farmers ซึ่งเป็นหนึ่งในฟาร์มเพาะปลูกพืชผลแบบอินทรีย์ ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ห้องอาหารชั้นนำหลายแห่งในประเทศไทย
- เชฟมาริโอ บาริออส– เมืองหลวง ประเทศเนเธอร์แลนด์ ( 2 ดาวมิชลิน )
เชฟชาวเม็กซิกัน ผู้เคยผ่านการทำงานในร้านอาหารชื่อดัง ระดับ 2 และ 3 ดาวมิชลินมาแล้ว ก่อนเข้ารับตำแหน่งเชฟขนมหวานประจำ Librije’s Zusje ของโรงแรม วอลดอร์ฟ แอสโทเรีย ในเมืองอัมสเตอร์ดัม และนำพาให้ร้านอาหารได้รับดาวมิชลิน 2 ดวงหลังจากที่เปิดตัวเพียงแค่ 7 เดือนเท่านั้น ปัจจุบัน เขาเปิดบริษัทที่ปรึกษาด้านขนมหวานเป็นของตัวเอง ภายใต้ Entourage Groupในยุโรป
- เชฟซิมอน สก็อต– เมืองแคสเตรส ประเทศฝรั่งเศส (1 ดาวมิชลิน)
เชฟเจ้าของห้องอาหาร 1 ดาวมิชลิน Bistrot Saveurs เชฟซิมอนเป็นหนึ่งในสองของพ่อครัวชาวอังกฤษในฝรั่งเศสที่ได้รับดาวมิชลิน ซึ่งเชฟอีกท่านก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่คือ เชฟกอร์ดอน แรมซี่ นั่นเอง ก่อนที่จะย้ายมาอยู่ที่ฝรั่งเศสเป็นการถาวร เชฟซิมอนเคยผ่านการเป็นหัวหน้าเชฟของห้องอาหาร Savory Grill รวมถึง ผู้ช่วยเชฟที่โรงแรม เดอะ ริทซ์ ลอนดอน มาก่อน
- เชฟร็อบ แวน เดอ วีเคน– เมืองไอนด์โฮเวน ประเทศเนเธอร์แลนด์ (1 ดาวมิชลิน)
สำหรับคนอื่นการเข้าหน้าที่แทนเชฟ ปีเตอร์ โคเอน อาจจะเป็นเรื่องยาก แต่สำหรับเชฟ ร็อบ การเข้ารับหน้าที่หัวหน้าเชฟที่ห้องอาหาร De Karpendonkse Hoeveในเมืองไอนด์โฮเวน ไม่ใช่เรื่องเกินความสามารถ ซึ่งเป็นห้องอาหารที่ได้รับการการันตีคุณภาพด้วย 1 ดาวมิชลินเป็นประจำทุกปี ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี ค.ศ 1979 หนึ่งปีก่อนที่เชฟปีเตอร์จะเข้าร่วม
- เชฟกี ลาสซอแซร์– เมืองลียง ประเทศฝรั่งเศส (1 ดาวมิชลิน)
เชฟกี เป็นหนึ่งในสมาชิกของตระกูล ลาสซอแซร์ ผู้ทำงานในห้องอาหาร 2 ดาวมิชลินของครอบครัวซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ 1906 เชฟกีใช้สกิลจากการฝึกฝนอย่างยาวนาน ผสมผสานเข้ากับความรักในการปรุงอาหารสไตล์ลียง ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขา และ ประสบการณ์จากการเดินทางไปยังต่างประเทศ ทำให้เขาได้รับรางวัล Meilleur Ouvrier de Franceในปี ค.ศ 1993
- เชฟมาเรีย โจเซ่ ซาน โรมาน– เมืองอาลิกันเต ประเทศสเปน (1 ดาวมิชลิน)
มีชื่อเสียงจากการนำเอาส่วนผสมของอันเป็นเอกลักษณ์ของสเปนมาใช้ในการปรุงอาหาร เชฟมาเรียถือเป็นหนึ่งในเชฟหญิงที่มีชื่อเสียงในแวดวงอาหารของสเปน นอกจากการเป็นหัวหน้าเชฟที่ Monastrell ห้องอาหาร 1 ดาว มิชลิน ในเมืองอาลิกันเต แล้ว เชฟมาเรียยังเป็นเจ้าของ Grupo Gourmet Alicante ซึ่งเป็นกิจการของครอบครัวที่ประกอบไปด้วย ร้านอาหาร 6 แห่ง และโรงงานผลิตเบเกอรี่ ที่นำเสนอแนวคิดใหม่ของวงการอาหารในสเปน
- เชฟบาสเตียน ฟอลเก้นรอท– เมืองดุสเซลดอร์ฟ ประเทศเยอรมนี (1 ดาวมิชลิน)
ก่อนที่เชฟบาสเตียนจะเปิดห้องอาหาร U.Das และได้รับ 1 ดาวมิชลินในปี ค.ศ. 2013 เขาได้ผ่านประสบการณ์ในการร่วมงานกับเชฟชื่อดังมากประสบการณ์หลายท่าน อาทิ เชฟโฮลเกอร์ เบเรน เชฟนีล เฮนเคิล และยังเคยเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของห้องอาหาร Patrick le Guern จนได้รับการจดทะเบียนลง Gault –Millauในฐานะห้องอาหารทะเลที่ดีที่สุดในเมืองดุสเซลดอร์ฟ นอกจากนี้เชฟบาสเตียนยังเคยได้รับเลือกจากหนังสือพิมพ์ Frankfuter Allegemeine Zeitungว่าเป็น “เชฟที่ได้รับการชื่นชอบมากที่สุดในปี ค.ศ 2017”
- เชฟนิโคลาส อิสนาร์ด– เมืองเปรนัว ประเทศฝรั่งเศส (1 ดาวมิชลิน)
เชฟนิโคลาสได้รับแรงบันดาลใจและเรียนรู้การทำอาหารมาจากคุณยายของเขา เมื่ออายุ 22 ปี ได้เข้าทำงานในห้องอาหาร Le Prieuré (1 ดาวมิชลิน) ในฐานะเชฟ เดอ ปาร์ตีย์ หลังจากนั้นจึงได้เข้าทำงานในร้านอาหารระดับดาวมิชลินอย่าง Le Vieux Logis (1 ดาวมิชลิน) La Rotonde (2 ดาวมิชลิน) และเมื่ออายุ 25 ปี จึงได้เป็นหัวหน้าเชฟประจำห้องอาหาร Auberge du Vieux Puits (ปัจจุบันได้รับ 3 ดาวมิชลิน) ในปี พ.ศ. 2551 ได้เปิดร้าน L’Auberge de la Charme เป็นของตัวเอง โดยได้รับการการันตีคุณภาพด้วย 1 ดาวมิชลิน และ 3 คะแนนจาก Gault Millau นอกจากนี้ยังได้เขียนหนังสือทำอาหารชื่อ L’œuf ขึ้นมาอีกด้วย
- เชฟฟิลิปป์ ออริโก้ – ประเทศฮ่องกง (1 ดาวมิชลิน)
เชฟฟิลิปป์ใช้ชีวิตในวัยเด็กเติบโตขึ้นมาในเกาะที่เต็มไปด้วยความหลากหลายทางวัฒนธรรมอย่างเกาะรียูเนียน ก่อนจะเริ่มต้นเส้นทางสายมิชลินด้วยการทำงานกับ ห้องอาหาร Pierre ที่โรงแรมแมนดาริน โอเรียลเต็ล ในฮ่องกง ก่อนจะย้ายไปทำงานที่ห้องอาหาร St. George ของโรงแรม ฮุลเล็ทท์ เฮ้าส์ซึ่งทำให้เขาได้รับดาวมิชลินดวงแรก ปัจจุบันเขาเป็น เชฟเจ้าของห้องอาหาร On Dining Kitchen & Lounge และ ห้องอาหาร 1 ดาวมิชลินอย่าง Upper Modern Bistro
- เชฟโธมัส สมิธ – กรุงเทพฯ ประเทศไทย
จากประสบการณ์การทำงานในสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสกว่า 20 ปีที่ผ่านมา หัวหน้าเชฟประจำโรงแรมโซ โซฟิเทล แบงคอก ได้ผ่านการทำงานร่วมกับห้องอาหารระดับดาวมิชลินหลายแห่งรวมถึง Savoy Hotel ในกรุงลอนดอน Les Saveurs ในกรุงตูลูส รวมถึงโรงแรมหกดาวในดูไบ อีกด้วย นอกจากนี้ยังเคยร่วมงานกับเชฟชื่อดังหลายท่าน อาทิ เชฟไฮนส์ วินเคลอร์ เชฟมิเชล โรส์ เชฟแกรี่ โร้ดส์ เชฟเจมส์ มาร์ติน
- เชฟบรูโน่ ดิเนล – เมืองสตราสบูร์ก ประเทศฝรั่งเศส
หลังจบการศึกษาด้านการโรงแรม เชฟบรูโน่เริ่มเส้นทางอาชีพด้วยการเป็นซอมเมอลิเยร์ ต่อมาได้เปลี่ยนอาชีพหลังได้รับประกาศนียบัตรวิชาชีพ Certificat d’Aptitude de Boulanger และได้รับการยอมรับอีกครั้งหลังได้รับรางวัล “Baker of the Year”ในปี ค.ศ. 2007 เขามีชื่อเสียงจากการผสมผสานทักษะความรู้สมัยใหม่เข้ากับวิถีดั้งเดิม ปัจจุบันเชฟบรูโน่เป็นเชฟเจ้าของร้าน Le Bistrot du Boulanger ในเมืองสตราสบูร์ก ซึ่งได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน Bib Gourmand จากมิชลิน ไกด์ 2016
- ฌากส์ โคโคลลอส – เมืองมาริเน โอลิลอง ประเทศฝรั่งเศส
เกิดและเติบโตมาในครอบครัวเจ้าของร้านอาหาร หลังจากได้รับปริญญาในสาขาการท่องเที่ยว จึงได้เดินทางไปทำงานในสายงานอาหาร โดยเริ่มตั้งแต่งานเสิร์ฟจนกระทั่งได้เป็นที่ปรึกษาในด้านอาหาร ก่อนเดินทางไปประเทศไอร์แลนด์ เพื่อเรียนรู้การเลี้ยงหอยนางรม ถึง 15 ปี ในปี พ.ศ. 2554 ได้ย้ายมาตั้งฟาร์มหอยนางรม ที่เมืองมาริเน โอลิลอง ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นผู้ส่งออกชั้นนำ
- นิโคลาส อิลาลอฟ – ประเทศฮ่องกง
เชฟนิโคลาสจบการศึกษาการโรงเรียนการโรงแรมโลซาน เชฟชาวสวิตเซอร์แลนด์ได้เดินทางไปที่ฮ่องกงเมื่อสิบปีก่อน และตกหลุมรักศิลปะการทำอาหารกวางตุ้งขนาดพอดีคำอย่างติ่มซำ จนตัดสินใจเปิด Man Mo ร้านอาหารติ่มซำแนวฟิวชั่นขึ้นเป็นแห่งแรกของโลก ซึ่งได้รับการยกย่องในการนำเอาส่วนผสมของยุโรปมารวมเข้ากับศิลปะการทำติ่มซำ จนกลายเป็นเมนูยอดนิยมอย่าง เมนูเสี่ยวหลงเปาฟัวกราส์
- ลีโอ อูเกอร์นา – เมืองแนนซี่ ประเทศฝรั่งเศส
ลีโอ เริ่มต้นเส้นทางชีสมาสเตอร์ด้วยการเข้าทำงานกับ Maison Marchand ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตชีสที่เก่าแก่ที่สุดในภาคตะวันออกของประเทศฝรั่งเศส ความสามารรถที่โดดเด่นของลีโอ ทำให้เขาได้รับการยอมรับ รวมถึงได้รับรางวัล “Best Young Cheesemonger in the World”และ“Young Talent” จากงาน International Hotel and Food Show (Sirha)ในปี ค.ศ 2015 ที่เมืองลียง
- ชีสมาสเตอร์ แพทริซ และ ฟิลิปป์ มาร์กชองด์ – เมืองแนนซี่ ประเทศฝรั่งเศส
พี่น้องชีสมาสเตอร์ ผู้สืบทอดกิจการผลิตภัณฑ์นมสดของครอบครัว ซึ่งถือเป็นหนึ่งในผู้ผลิตนมที่เก่าแก่ที่สุด ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2423 นอกจาก ฟิลิปป์ จะเป็นทายาทผู้สืบทอดดูแลกิจการชีสของตระกูล เขายังเป็นสมาชิกของคณะกรรมการสมาคม Cheesemakers-Affineursในฝรั่งเศสอีกด้วยสำหรับแพทริซ นั้นเป็นผู้ดูแลกิจการห้องอาหาร Lez’art และ’P’tit Cuny รวมถึง P’tit resto du marché couvert
- เชฟสเตฟาน บอนนา – เมืองวัวรอง ประเทศฝรั่งเศส
เชฟผู้เชี่ยวชาญด้านช็อกโกแลต โด่งดังไปทั่วโลกในฐานะตระกูลผู้ผลิตช็อกโกแลตบอนนา ซึ่งเป็นช็อกโกแลตที่เก่าแก่ที่สุดในโลก โดยธุรกิจของครอบครัวเริ่มต้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2427 ในเมืองวัวรอง ประเทศฝรั่งเศส เคยได้รับรางวัลการันตีมากมายอาทิ 2 รางวัลทองคำจากสาขาผู้ผลิตช็อกโกแลตชั้นเยี่ยม และ ผู้ผลิตช็อกโกแลตยอดเยี่ยมในยุโรปจากงานประกาศรางวัลช็อกโกแลตนานาชาติปี พ.ศ. 2558 นอกจากนี้เขายังเป็นสมาชิกของสมาคม Village de Chefs
- เชฟลีโอนาร์ด เอเลนบาส – เมืองเอสกราเวนแซนด์ ประเทศเนเธอร์แลนด์
ก่อนหน้าที่จะมาเป็นเชฟเจ้าของร้านอาหาร Pure Passie ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ เชฟลีโอนาร์ดเคยเป็นหนึ่งในหน่วยนาวิกโยธินมาก่อน ปัจจุบันเขาเป็นหนึ่งในสมาชิกของ Big Green Egg Europe นอกจากรสชาติอาหารของเชฟลีโอนาร์ดจะมีรสชาติดีแล้วนั้น ยังต้องดีกับสุขภาพอีกด้วย ดังนั้นเขาจึงได้จ้างเกษตรกรให้ปลูกผัก และ เลี้ยงสัตว์ให้กับเขาเป็นพิเศษ นอกจากนี้เขายังมีโรงผลิตแป้ง ชีส และ นม รวมถึง โรงเลี้ยงหมูขนแกะ เป็นของตัวเองอีกด้วย
- มาเรีย ยูจีเนีย เพอร์รามอน โรมาน – เมืองอาลิกันเต ประเทศสเปน
เกิดมาในครอบครัวที่เกี่ยวข้องกับงานบริการ มาเรียจึงมีโอกาสได้ช่วยเหลือกิจการของครอบครัว Grupo Gourmet Alicante ตั้งแต่อายุยังน้อย หลังจบการศึกษาด้านการโรงแรมจากสวิสเซอร์แลนด์ มาเรียได้เข้าทำงานร่วมกับแม่ของเทอ เชฟมาเรีย โจเซ่ ซาน โรมาน ที่ห้องอาหาร Monastrell ก่อนจะเข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการของทาปาส บาร์ La Taberna del Gourmet ซึ่งได้รับรางวัลการันตีคุณภาพมากมาย ภายใต้การบริหารงานของเธอ
- เชฟดีดิเย คาลู– เมืองฮานอย ประเทศเวียดนาม
เชฟชาวฝรั่งเศสที่มีไลฟ์สไตล์หรูหรา ออกเดินทางมาแล้วทั่วโลก ได้รับโอกาสเตรียมอาหารให้กับประธานาธิบดีของประเทศแอฟริกา เชื้อพระวงศ์ของประเทศเขมรและมาเลเซีย เหล่าคนดังในแวดวงบันเทิงของโบราโบร่า และยังได้รับรางวัลอีกมากมายไม่ว่าจะเป็น มาสเตอร์เชฟของประเทศฝรั่งเศส ผู้ชนะรางวัล 5 Diamond Stars นอกจากนี้ยังเป็นเชฟเจ้าของร้านอาหาร La Verticale และ Madame Hien in Hanoi รวมถึงเป็นผู้ก่อตั้งสมาคมเชฟ Village de Chefs Association
รายชื่อเชฟจากโรงแรมเครือแอคคอร์ โอเทล
- เชฟโย้ช ไบทสเตอร์ หัวหน้าเชฟประจำห้องอาหารพาร์ค โซไซตี้ โรงแรมโซ โซฟิเทล แบงคอก
- เชฟเบนจามิน เบน ซาร์ดวน หัวหน้าเชฟประจำห้องอาหารเร้ด โอเว่นโรงแรมโซ โซฟิเทล แบงคอก
- เชฟปิติ แสงมณี หัวหน้าเชฟขนมหวานโรงแรมโซ โซฟิเทล แบงคอก
- เชฟสุรศักดิ์ ส่งสุขผู้ช่วยเชฟ จากห้องอาหารพาร์ค โซไซตี้ โรงแรมโซ โซฟิเทล แบงคอก
- เชฟศรนรินทร์ ทองขาว เชฟญี่ปุ่นประจำห้องอาหารเร้ด โอเว่นโรงแรมโซ โซฟิเทล แบงคอก
- เชฟนิโคลัส บัสเซ็ท หัวหน้าเชฟประจำห้องอาหาร ลาพาร์ต โรงแรมโซฟิเทล กรุงเทพ สุขุมวิท
- เชฟโจเฟรย์ จาคอป เชฟขนมหวานประจำเลอ มาการอง โรงแรมโซฟิเทล กรุงเทพ สุขุมวิท
- เชฟเชษฐา อินทรวงษ์ เชฟซูชิประจำห้องอาหาร เยลโล่ เทล ซูชิ บาร์โรงแรมวี กรุงเทพฯ
- เชฟ บาร์ธ ไซวินสกี้หัวหน้าเชฟประจำโรงแรมโฮเทล มิวส์ แบงค็อก
kinlakestars.com
review, michelin stars, SO AMAZING CHEFS 2018, So sofitel, รีวิว, fine dining, french cuisine
KinlakeStars.com กินแหลกแจกดาว สื่ออาหารและการท่องเที่ยว ที่นำเสนอเกี่ยวกับ อาหาร และ การกินดื่ม รวมถึงการท่องเที่ยวและที่พัก ทั้งในส่วนของ รีวิว อาหาร สถานที่ กิน ดื่ม เที่ยว พัก ผ่อนคลาย ในทุกประเภทหมวดหมู่ โปรโมชั่น ส่วนลด เมนูใหม่ กิจกรรมพิเศษ ที่เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม บทความที่เกี่ยวกับการ กินดื่ม ไม่ว่าจะเป็น บทความกินดื่มทั่วๆไป อาทิ วิธีการ กินชีส และการดื่มไวน์ บทความการกินเพื่อสุขภาพ บทความการกินตามเทศกาล บทความสาธิตและสอนทำอาหาร สูตรทำอาหาร ข่าวสารในแวดวง การกิน ดื่ม คลิปและวีดิโอ เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม ท่านสามารถค้นหาร้านอาหารผ่านแถบค้นหาด้านบนสุดของเวปได้เพียงพิมพ์ชื่อร้าน หรือประเภทอาหาร และย่าน คิดถึงเรื่อง กิน ดื่ม คิดถึง kinlakestars.com – กินแหลกแจกดาว