ใช่ครับหัวข้อที่ท่านอ่านข้างบนคงไม่แปลกอะไรและไม่มีใครปฏิเสธ หากท่านเคยมารับประทานอาหารที่นี่แล้ว แต่สำหรับท่านใดที่กำลังอยากจะเปิดประสบการณ์ Fine Dining แบบไทยโมเดิร์น ที่นี่คือตัวเลือกอันดับแรกๆ ที่ผมและ KinlakeStars.com แนะนำเลยละครับ
วันนี้ผมจะพาทุกท่านมาดินเนอร์มื้อค่ำแบบ Full Course ที่ห้องอาหาร Sra Bua by Kiin Kiin แห่งโรงแรม Siam Kempinski Hotel กันครับ
Sra Bua by Kiin Kiin เป็นร้านอาหารไทยโดยเชฟเจ้าของร้าน Kiin Kiin Restaurant ได้ยกเอาไอเดียสุดล้ำผสานวัตถุดิบชั้นดี มาเปิดให้คนไทยได้รับประสบการณ์การทานอาหารรูปแบบใหม่ โดยการเปลี่ยนโฉมโดยใช้เทคนิคแบบ Molecular หรือการแยกส่วนประกอบต่างๆ ออกมาให้ได้สัมผัสแบบใหม่แต่ยังคงรสชาติและความรู้สึกเดิมเอาไว้
ว่าแล้วเราก็ไปเริ่มชิมกันดีกว่าครับว่าดินเนอร์ของวันนี้เชฟจะเซอร์ไพรซ์อะไรเราบ้าง ซึ่งพอเข้าไปแล้วเราจะยังไม่ถูกเชิญไปที่โต๊ะ แต่จะถูกพาไปยังส่วนรับรองแขกก่อนเพื่อให้แขกได้นั่งพักพูดคุยและรับประทานของว่างเหมือนกันเวลาเรามีแขกมาที่บ้าน ดูอบอุ่นดีครับ
เริ่มด้วย Welcome Drink เป็นน้ำตะไคร้ใบเตยหอมๆ เพิ่มความสดชื่น ที่พนักงานช่างบรรจงนั่งพับกลีบกุหลาบด้วยใบเตยชิ้นต่อชิ้นด้วยความปราณีต
กรุบกรอบและเรียกน้ำย่อย
Snack and Street Food
Soya Meringue เมอร์แรงค์ที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของถั่วเหลืองดิปกับ Yogurt Wasabi ที่ให้ความเผ็ดเล็กน้อยที่ปลายลิ้นเพิ่มความอยากอาหาร พนักงานจะเซอร์ไพรซ์เราด้วยการเสกมันออกมา ถ้าใครอยากรู้ว่าเป็นยังไงก็ลองมาชมด้วยตัวเองนะครับ
เรียกน้ำย่อยตัวถัดไปเป็นมะม่วงหิมพานต์ปรุงรส ที่มีความพิเศษอีกแล้วคือสามารถรับประทานได้ทั้งเปลือกใสๆ นั่นเลยครับ
ระหว่างนั้นก็เสิร์ฟเครื่องดื่มแก้วที่สองเป็น Mocktail ที่เพิ่มความสดชื่นด้วยกลิ่นและเปลือกส้มหวานน้อย เปรี้ยวนำ
เรียกน้ำย่อยตัวถัดไปจะเป็น Laksa Soup หรือลักซาซุป อาหารประจำชาติสิงคโปร์ซึ่งเวลารับประทานต้องใช้หลอดดูดซุปจากด้านล่างผ่านชั้นทรายสีขาวลงไป เจอซุปรสชาติเปรี้ยวหวานเผ็ด รับประทานคู่กับหอยนางรมและหน่อไม้ฝรั่งทอดแบบเทมปุระ เข้ากันดีได้กลิ่นทะเลแบบสุดๆ
Curry Cornnetto เกี๊ยวทอดทรงกรวยห่อเนื้อปูซึ่งผสมกับซอสผงกะหรี่เสิร์ฟมาบนแท่งไม้หน้าจั่วลายกนก เห็นธรรมดาแบบนี้แต่อร่อยมากๆ ครับ
ถัดไปเป็นแคปหมูน้ำพริกหนุ่ม ซึ่งผมขอบอกว่าน้ำพริกอร่อยมากครับ ทั้งที่ใจจริงอยากให้เผ็ดกว่านี้
ของเรียกน้ำย่อยก่อนสุดท้ายเป็นเมี่ยงคำครับ พนักงานจะมายำต่อหน้าใครชอบรสชาติแบบไหนก็สั่งได้ตามใจ ซึ่งมีความหลากหลายในรสชาติมากกว่าเมี่ยงคำทั่วไปด้วยการเสริมสับปะรดกับอาบูเข้าไปในส่วนผสม นับเป็นนวัตกรรมแห่งอาหาร รสชาติที่ครบเครื่องและสดเขียวทั้งเปรี้ยว หวาน มัน เค็ม กระจากความอยากอาหารของคุณให้พุ่งทะยานขึ้นมาได้อย่างซาบซ่าน ถ้าใครกินเผ็ดได้ตามปกติเชฟก็จะใส่พริกสดให้ได้ซาบซ่านพออยากกินอยากชิมอาหาร
หลังจากนั้นพนักงานจะนำเรามายังโต๊ะรับประทานอาหารโดยจะเสิร์ฟ Food Finger เมนูสุดท้ายเป็น Tuna Tartare เวลารับประทานก็ใช้รากบัวอบกรอบตักเนื้อปลาตรงกลางดอกบัวแล้วรับประทานคู่กัน การนำเสนอด้วยดอกบัวที่ลอยมาในน้ำอันเป็นเอกลักษณืของห้องอาหารสื่อถึงตัวตนอัตตาลักษณ์ของห้องอาหารไ้อย่างเข้าใจง่ายและตรงไปตรงมา ด้วยชื่อสระบัวอันมาจากสถานที่เดิมที่เคยเป็นสระบัวส่วนหนึ่งของวังสระปทุมนั้นเอง
นี่แค่อมูชบูชซึ่งเป็นออเดิร์ฟนะครับ ต่อไปจะเริ่ม Course Dinner ของคืนนี้จริงๆ แล้ว
ต้มโคล้ง
Tom Klong Soup, Grilled Lobster Head, Ginger, Lime and Prawn Cracker, Aioli
จานแรก เป็นต้มโคล้งที่เสิร์ฟมาด้วยความแปลกแบบไม่เคยเห็น เชฟแยกส่วนประกอบออกจากกันเพื่อให้เรารับประทานได้สนุกยิ่งขึ้นโดยนำเต้าหู้ใส่ในสลิงค์ เวลารับประทานก็บีบเป็นเส้นเต้าหู้ลงในน้ำซุป
พอเต้าหู้ถูกแรงกดของหลอดฉีดยาพุ่งทะยานออกมาจากหลอดลงไปในซุป เต้าหู้จะแข็งตัวเป็นเส้น และเป็นเส้นที่ขดไปมาคล้ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป นั้นหละครับเชฟได้แรงบันดาลใจจากการใช้ชีวินในสยามประเทศไทยไชโย บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหรือที่ชาวไทยไชโยเราเรียกกันติดปากว่า มาม่านั้นกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตชาวไทยไปเสียแล้ว รับประทานคู่กับล็อบสเตอร์กริลหอมๆ มันกุ้งเยิ้มๆเลิศไปเลยใช่ไหมครับ เพิ่มความกรุบกรอบด้วยข้าวเกรียบกุ้งที่ท็อปด้วยกุ้งสด กินเข้าไปรวมๆกันแล้วแทบอยากจะลุกมาเต้นระบำรำวง กันเลยทีีเดียว
ปลาในสายหมอก
Thai Ceviche with Halibut Passion Fruit, Tangerine
ว่าจานแรกแปลกตาแล้วใช่ไหมครับ มาต่อกับจานที่สองที่เราต้องใช้เวลาพูดคุยกับเพื่อนร่วมโต๊ะเพื่อรอเมนูนี้สมบูรณ์เป็นเวลาเกือบ 10 นาทีเพราะระหว่างนั้นจะมีขั้นตอนในการทำน้ำยำโดยการผสมเครื่องปรุงต่างๆ เข้าด้วยกันกับเสาวรส จากนั้นนำปลาฮาลีบัตไปเซวิเช่หรือหมักเพื่อให้กรดของมะนาวและเสาวรสทำให้สุก 7 นาที เสิร์ฟบนถ้วยเสาวรสพร้อม Dry Ice สุดอลังการ
กระเพราปลาหมึก ไข่มะตูม
Squid, Green Asparagus, Egg Yolk and Holy Basil
เค้าว่าอะไรก็ตามล้วนทำให้เป็น Fine Dining ได้ ถ้าเชฟมีจินตนาการไปถึง จานนี้ก็เช่นกันครับกับกะเพราหมึก โดยเชฟนำหมึกหั่นวงชิ้นกำลังดีไปคลุกเคล้ากับเครื่องปรุงและใบกะเพรา เสิร์ฟพร้อมใบกะเพราสด กับใบกระเพรากรอบที่ให้สัมผัสได้น่าสนใจไม่น่าเบื่อ สนุกสนานประดุจเต้นลีลาศจังหวะชะชะช่า กุ้งแห้งกรอบ และไข่แดงมะตูมหนึบๆ ดูง่ายๆ นะครับ แต่เชื่อไหมผมแอบเขียนในสมุดโน๊ตไว้ว่าเมนูนี้ให้ห้าดาว รสชาติอร่อยมาก มันคือร่างพัฒนาของกระเพราสู่ร่างสุดยอดเลยทีเดียว ทั้งรสชาติ กลิ่น สัมผัส และหน้าตา เหมือนสาวหุ่นอึ๋มนิสัยดีมีกลิ่นที่หอมหวลและลีลาเด็ด หมายถึงลีลาการเต้นลีลาศนะครับ
ฟัวกราส์ ลาบเป็ด
Larb Duck Salad with Foie Gras, Mint
เชฟตีความลาบ ออกมาให้ดูโมเดิร์นและให้คนหลายเชื้อชาติได้เข้าถึงโดยตัดองค์ประกอบบางอย่างออกและเพิ่มบางอย่างเข้าไป เช่น นำเป็ด Slow cook มาเสิร์ฟพร้อมผักสดต่างๆ ซึ่งเป็นองค์ประกอบในลาบ
ข้าวพองกรุบๆ รวมถึง Cucumber ball หรือแตงกวาคว้านเป็นลูกกลม ที่เอาไว้แกล้มตัดเลี่ยน ปิดท้ายด้วยรสสัมผัสของฟัวกราส์ ส่วนตัวผมว่าจานนี้รสชาติอ่อนและจืดไป ถ้าเพิ่มความเผ็ด เปรี้ยว เค็มตามคอนเซ็ปท์ของลาบที่ควรจะเป็นขึ้นอีก จะทำให้ถูกปากมากกว่านี้ครับ
พะโล้ปลากระพง
Seabass with Five Spices, Fennel
จานถัดมาเป็นพะโล้ครับ แต่พะโล้ธรรมดาก็คงมาอยู่บนโต๊ะนี้ไม่ได้อีกเช่นเคย เชฟนำปลากระพงติดหนังมาทอดกรอบจนเกล็ดขึ้นราวกับเกล็ดมังกร เสิร์ฟพร้อมโฟมที่ผสมกับเครื่องพะโล้อันเป็นเอกลักษณ์ มองจานนี้คงจินตนาการไม่ออก แต่หลับตาชิมแล้วก็ใช่เลยครับ กลิ่นพะโล้ในมิติที่แปลกออกไป เพราะรสชาติโฟมจะออกเปรี้ยวผิดกับพะโล้ที่เราคาดหวังไว้ว่าเป็นอาหารรสออกหวาน ส่วนตัวรู้สึกเฉยและแปลกลิ้นกับจานนี้ครับ
ต้มข่าไก่ เห็ดชองทาเรลล์
Chantarelle Mushrooms Flan, Chicken and Foamy Aromatized Coconut Milk
มาถึงจานสุดท้ายของ Main Course ครับ ต้มข่าไก่แบบ Deconstruction หรือการเปลี่ยนแนวคิดแยกองค์ประกอบแบบสุดโต่งปิดท้าย เชฟแยกไก่และเห็ดที่ควรถูกต้มในน้ำแกงออกมาทอดจนหอม กรอบนอกนุ่มใน ในจานมี Jelly ที่ทำจากกะทิจับตัวเป็นก้อนเต้าหู้ ลอยอยู่บน Coriander Oil หรือน้ำมันผักชี เวลาเสิร์ฟพนักงานจะนำซุปที่เป็นน้ำกะทิเคี่ยวกับเครื่องต้มข่าเทผสมลงไป รับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ วิจิตรพิศดารแต่อร่อยจนถามตัวเองว่านี่คือต้มข่าไก่จริงๆ หรอ
ข้าวเหนียวมะม่วงสายไหม
ล้างปากกันต่อกับเมนูพิเศษที่เชฟทำให้โดยเฉพาะครับ เป็นข้าวเหนียวมะม่วงที่ท็อปปิ้งด้วยก้อนสายไหม ราดด้วยน้ำกะทิ รับประทานรวมกันได้รสชาติ หวาน มัน เปรี้ยว อร่อยมากๆ
พฤกษชาติ
Flower of Thailand Vers Yves Klein
ของหวานจานแรกเป็นไอศครีมอัญชัญรสชาติเปรี้ยวอมหวาน รับประทานคู่กับไวท์ช็อคโกแลต และเมอแรงก์ ที่ฝามีซอสไวท์ช็อคโกแลตวาดลวดลายประดับด้วยกลีบอัญชัญรับประทานทั้งหมดพร้อมกัน ตัดเลี่ยนได้ดีเพราะรสเปรี้ยวนำครับ
ไอศกรีมสามเกลอ
Leafs of Thailand Pandan – Tea – Kaffir
ของหวานจานสุดท้ายใน Course Set เป็นไอศกรีมสามรส สามกลิ่น ที่จะต้องรับประทานจากซ้ายไปขวา โดยสกู๊ปแต่ละอันจะถูกเสิร์ฟมาบน Ice Rock รสชาตินั้นๆ ซึ่งประกอบไปด้วย ใบเตยรสชาติเค็มมันให้ความหอมนุ่มละมุน เอิร์ลเกรย์รสชาติอมหวาน หอมกลิ่นชาช่วยเรื่องความสบาย และใบมะกรูดรสเปรี้ยวเค็มให้ความหอมสดชื่นปิดมื้ออาหาร
Petit Four
ชิ้นนี้ใครกินผิดมีแปลงร่างเป็นก๊อตซิล่าร้องอ้าก้าอ้าก้ากันเลยทีเดียว ในกระจาดไม้ลายไทยๆนี้มีทั้งพริกจริงและพริกปลอมที่เป็นขนมซึ่งทำจากช๊อคโกแล็ตขาวแต่งรูปเลียนแบบพริก สำหรับเจ้าขนมที่ทำเลียนแบบพริกนั้นก็รสชาติเหมือนช๊อคโกแลตขาวทั่วไป แต่หน้าตาและแนวความคิดนี่ว้าวจริงๆ
เจ้านี่เป็นขนมหินปลอมในนี้ก็จะมีทั้งหินจริงและหินปลอม หินปลอมจะทำจากเปลือกที่เป็นช๊อคโกแล๊ตและข้างในเป็นครีมอาบูซาเล หวานกรุป
องุ่นไร้เมล็ดที่เคลือบด้วยช๊อคโกแลตขาว หวานฉ่ำ หอมอร่อย ละมุนว้าวทั้งรสชาติและหน้าตามากเลยทีเดียว
ตัวสุดท้ายเป็นอบเชย เช่นเดียวกันกับทุกๆจานที่ผ่านมา มีทั้งอบเชยจริงและอบเชยปลอม อบเชยจริงกัดไปก็แข็งโป๊กๆ แต่อบเชยปลอมจะทำจากช๊อคโกแล็ตขาวผสมผงอบเชย หอมหวานกลิ่นอบเชย
ระหว่างนั่งพูดคุยรออาหารย่อยเชฟก็มีอะไรให้เราเล่นแก้เบื่อกันด้วยครับ โดยเชฟจะนำช็อคโกแลตและมาร์ชเมลโล่วมาแปรรูปให้เป็นสิ่งต่างๆ แล้วให้เราเลือกหยิบไปรับประทานว่าชิ้นไหนคือขนม ใครสายตาไม่ดีหยิบผิดไประวังด้วยนะครับ
และทั้งหมดนี้คือประสบการณ์ของการรับประทานอาหารที่ที่ผมได้บอกทุกท่านไปแล้วว่าแปลกใหม่ ฉีกทุกความคุ้นเคยใช่ไหมละครับ ใครที่สนใจก็ลองไปรับประทานแล้วมาพูดคุยถึงความประทับใจกันได้ ส่วนตัวผมถือว่าประทับใจอยู่ในระดับที่ดีเลย อาจจะมีบางเมนูที่ต้องอาศัยความเข้าใจสักนิด แต่ผมเชื่อครับว่าหากทุกท่านได้ไปชิมแล้วจะสนุกและประทับใจเช่นเดียวกันกับผมอย่างแน่นอน
หากท่านใดสนใจสามารถสำรองที่นั่งได้ที่
ห้องอาหาร Sra Bua by Kiin Kiin
โรงแรม Siam Kempinski Hotel
เวลาเปิดให้บริการ: 12:00 – 15:00, 18:00 – 23:00 เบอร์ติดต่อ: 02-162-9000 Website: http://www.kempinski.com/en/bangkok/siam-hotel/dining/restaurants/sra-bua-by-kiin-kiin/
Story : Khanenpan C.
Photo : Pol.Cap. Kittin A.
“วิสัยทัศน์ของห้องอาหารสระบัว บายกิน กิน คือความต้ังใจที่จะมอบประสบการณ์ในการรับประทานอาหารไทยแนวใหม่ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าทุกท่านที่มารับประทาน เมนูที่เสิร์ฟในเซตดินเนอร์ “The Summer Journey” ถูกออกแบบมาอย่างปราณีต และเต็มเปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากอาหารไทยจานเด่นยอดนิยม และนำเอาวัตถุดิบท้องถิ่นประจำฤดูกาลมาผสมผสานกับเทคนิคการปรุงอาหารที่ทันสมัย นำเสนอ
ออกมาเป็ นอาหารไทยสไตล์โมเดิร์น ที่ยังคงไว้ซึ่งรสชาติความอร่อยตามสูตรอาหารไทยแท้ด้ังเดิม” กล่าวโดย เชฟ ชยวรี์สุจริตจน์ ทร์หวัหนา้พอ่ ครัวหอ้งอาหารสระบัว บายกิน กิน
เซตดินเนอร์ “The Summer Journey” 8 คอร์ส ราคา 3,200 บาท++ ต่อท่าน (เฉพาะค่าอาหาร) เปิดให้บริการเวลา 18:00 น. ถึง 24:00 น. (สั่งอาหารไดถ้ึงเวลา 21:00 น.) เริ่ม 1 เมษายน ศกน้ี *ทั้งนี้ราคาดังกล่าวเป็ นราคาต่อท่าน ยังไม่รวมอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และค่าบริการ 10%
Fine dining, Thai Cuisine, Siam Kempinski, Srabua by Kiinkiin, review, michelin star
Kin Review
Kinlakestars.com
KinlakeStars.com กินแหลกแจกดาว สื่ออาหารและการท่องเที่ยว ที่นำเสนอเกี่ยวกับ อาหาร และ การกินดื่ม รวมถึงการท่องเที่ยวและที่พัก ทั้งในส่วนของ รีวิว อาหาร สถานที่ กิน ดื่ม เที่ยว พัก ผ่อนคลาย ในทุกประเภทหมวดหมู่ โปรโมชั่น ส่วนลด เมนูใหม่ กิจกรรมพิเศษ ที่เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม บทความที่เกี่ยวกับการ กินดื่ม ไม่ว่าจะเป็น บทความกินดื่มทั่วๆไป อาทิ วิธีการ กินชีส และการดื่มไวน์ บทความการกินเพื่อสุขภาพ บทความการกินตามเทศกาล บทความสาธิตและสอนทำอาหาร สูตรทำอาหาร ข่าวสารในแวดวง การกิน ดื่ม คลิปและวีดิโอ เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม ท่านสามารถค้นหาร้านอาหารผ่านแถบค้นหาด้านบนสุดของเวปได้เพียงพิมพ์ชื่อร้าน หรือประเภทอาหาร และย่าน คิดถึงเรื่อง กิน ดื่ม คิดถึง kinlakestars.com – กินแหลกแจกดาว