ท่ามกลางกระแสนิยมของ “โอมากาเสะ” ในปัจจุบันทำให้มีร้านอาหารที่ให้บริการแบบโอมากาเสะมากขึ้น ซึ่งมีทั้งกลุ่มที่นำเสนอจุดเด่นของร้านแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพของวัตถุดิบชั้นเลิศ ฝีมือของเชฟ ความแปลกใหม่ หรือ ในแง่ของราคา ซึ่งวันนี้ Kinlakestars จะขอนำเสนอร้านโอมากาเสะ ที่โดดเด่นในแง่ของ รสชาติและความคิดสร้างสรรค์ การันตีด้วยรางวัลมิชลินสองดาว ในสาขาแม่ที่โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น
ร้าน Sushiyoshi เป็นร้านที่เลื่องชื่อ ในกลุ่มผู้ชื่นชอบโอมากะเสะมาอย่างยาวนาน ก่อตั้งมาเกือบ 30 ปี โดยความพิเศษของร้านนี้เกิดจากฝีมือของมาสเตอร์เชฟ ฮิโรกิ นากาโนะอุเอะ ซึ่งได้ผสานสไตล์การเตรียมโอมากาเสะแบบดั้งเดิม (Edomae) เข้าร่วมกับกรรมวิธีการปรุงอาหารสไตล์ฝรั่งเศส เป็นแบบการสร้างสรรค์ร่วม หรือที่ทางร้านใช้คำว่า Co-Creation ด้วยความโดดเด่นในแง่ของความคิดสร้างสรรค์ ประกอบกับประสบการณ์อันยาวนาน ทำให้ร้าน Sushiyoshi ได้รับดาวมิชลินสองดาวติดต่อกันหลายปี และถือว่าเป็นโอกาสอันดีของนักชิมชาวไทย ที่ร้านนี้ได้มาเปิดที่ประเทศไทย นับเป็นสาขาที่ 2 นอกประเทศญี่ปุ่นของร้าน Sushiyoshi ต่อจากฮ่องกง
ร้าน Sushiyoshi ตั้งอยู่ ที่โรงแรมทำเลดีใจกลางเมือง ดับเบิ้ลยู กรุงเทพฯ (W hotel Bangkok) ซึ่งสร้างบรรกาศความหรูหรา และผ่อนคลายเป็นอย่างดี เมื่อเดินเข้าที่ล็อบบี้ชั้นหนึ่งก็จะพบประตูไม้ขนาดใหญ่สะดุดตาของร้าน Sushiyoshi
การต้อนรับและบรรยากาศภายในร้าน
ประตูร้านจะถูกปิดสนิทจนกว่าจะถึงเวลาเปิดร้าน ซึ่งรอบแรกคือ 17.30 น.ตรง เมื่อถึงเวลานัดหมาย หัวหน้าบริกรจะออกมาต้อนรับตรวจสอบรายชื่อการจองของท่านและพาไปนั่งที่ counter ของร้าน
ซึ่งตั้งแต่เดินเข้ามาก็จะพบการตกแต่งของร้านเป็นสไตล์โอมากาเสะมาตรฐานคือมี counter ล้อมรอบครัวที่เป็นส่วนประกอบอาหาร ทำให้ได้บรรยากาศร้านอาหารญี่ปุ่นชั้นดี เจือกลิ่นน้ำส้มสายชูและมิริน ประกอบเสียงปิ้งอาหารจากเตาถ่านช่วยกระตุ้นความอยากอาหารเต็มที่ ในแต่ละรอบจะสามารถรองรับลูกค้าได้เพียง 12 คนเท่านั้น
การจำกัดคนเพียง 12 ท่านนี้ทำให้ทุกที่นั่งสามารถรับอาหารแต่ละเมนูจากมือเชฟได้โดยใช้เวลาไม่นานนัก และให้ความรู้สึกสบายไม่กดดัน ระหว่างรออาหารคอร์สแรก และเพื่อนร่วมมื้ออาหารท่านอืนๆ ท่านจะสามารถสั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ว่าจะเป็นไวน์หรือสาเกมาดื่มก่อนอาหารได้ ซึ่ง Riesling wine ที่เราสั่งมาก็ถือว่ารสชาติดีและเข้ากับอาหารของเชฟฮิโรกิเป็นอย่างดี
เชฟและเมนู
ถึงแม้รอบนี้เราจะไม่ได้เจอเชฟฮิโรกิ โดยตรงแต่ก็ได้เชฟซูชิชาวญี่ปุ่นที่เชฟฮิโรกิไว้ใจ และมีประสบการณ์ทางด้านโอมากาเสะมากกว่าสิบปี คือ เชฟซาโตรุ คุโบตะ และ เชฟทาคาโนริ ฮาระ ช่วยปั้นซูชิให้ทุกคำ นอกจากนี้เชฟชาวไทยที่ช่วยประกอบอาหารเมนูอื่นๆ และอธิบายส่วนประกอบของอาหารต่างๆ อย่างเป็นกันเอง
ซึ่งคอร์สเมนูวันนี้เป็นคอร์สประจำเดือนสิงหาคมและกันยายน ซึ่งวัตถุดิบที่ใช้เป็นหลักในแต่ละเดือนจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เพื่อการันตีว่าวัตถุดิบเหล่านั้นเป็นของที่เชฟหาได้สดและดีที่สุดประจำเดือนนั้นๆ
เมื่อถึงเวลาอันควรก็ถึงเวลาของอาหารจานแรก
Shiro Ika/Matsutake
เป็นปลาหมึกขาวสีสวยกรุบกรอบ ร่วมกับเห็ดประจำฤดูใบไม้ร่วงมัตสึทาเกะในฝัน ที่จะมีกลิ่นเฉพาะตัวขึ้นอยู่กับความชื้น อุณหภูมิที่เก็บมา ยั่วยวนโชยกลิ่นหอม เป็นจานที่จะช่วยเรียกน้ำย่อยและปรับลิ้นพร้อมกับอาหารจานต่อๆไปได้เป็นอย่างดี
Kinki & Shitake
ปลาทะเลน้ำลึกคิงกิที่มีความมันสูงนุ่มกินร่วมกันกับเห็ดชิตาเกะชั้นเลิศแทนข้าวซูชิได้รสชาติเต็มคำของชิตาเกะ และช่วยเพิ่มรสสัมผัสให้กับตัวเนื้อปลา
Kinmedai /Karasumi/Lemon slice
เนื้อปลาคินเมไดหมักในเหล้า Fruit Cointreau และนี่คือตัวอย่างของเหล้าตัวที่กล่าวไป ตัวเหล้า Cointreau ที่เชฟเลือกใช้ก็มีประวัติที่น่าสนใจดังนี้ครับ
“อนาคตสดใส อนาคตสีส้ม ” มันเป็นสโลแกนที่ชูโดย เจ้าของโรงกลั่น ชาวฝรั่งเศส Edouard Cointreau
Edouard สังเกตเห็นว่าชาวฝรั่งเศสในสมัยนั้นกำลังหลงรสชาติ แปลกใหม่ของส้ม ซึ่งเป็นผลไม้หายาก ในช่วงปี 1870 โดยเสน่ห์ที่แปลกใหม่ของส้มเป็นผลไม้ที่หายากและขอหลังในช่วงเวลานั้น จึงคิดนำเปลือกส้มหลากหลายสายพันธุ์ ทั้งจากบราซิล ตูนิเซีย กานา เซเนกัลและสเปน มาคิดค้นเป็นเหล้า สูตรเฉพาะซึ่งคงอยู่ข้ามเวลามาจนถึงปัจจุบัน
ซึ่ง เชฟได้นำเหล้า Cointreau นี้เองมากินคู่กับไข่ปลาคาราซูมิที่หากินทั่วไปได้ยาก จะมีเฉพาะในร้านซูชิราคาแพง หรือ ร้านอาหารญี่ปุ่นระดับสูงเท่านั้น
ตัวไข่ปลาคาราซูมินั้นก็คือไข่ปลากระบอกแบบแห้ง ในอดีตเป็นอาหารชั้นสูงที่จำกัดเฉพาะเจ้าขุนมูลนายถึงจะได้กิน ชาวบ้านที่ลักลอบทำกินจะใช้ชื่อเรียกไข่ตัวนี้ว่า “ไข่ปลาบุริ” เพื่อหลอกเจ้าหน้าที่ในสมัยนั้น ซึ่งมีจานนี้จะมีเลมอนฝานช่วยให้รสชาติหวานสดชื่น ได้รสซิตรัสติดปลายลิ้น
Kinmedai Sushi
ซูชิจานคินเมไดซูชิ ที่ดูธรรมดา แต่ความจริงแล้วน่าประทับใจ นอกจากซูชิที่จะเสิร์ฟจากมือเชฟโดยตรงแล้ว “ข้าว” ที่ใช้ก็โดดเด่นมากรสชาติของข้าวซูชิที่เรียงเม็ด ประกอบกับความหวานเปรี้ยวที่กำลังพอดี และ อุณหภูมิที่อุ่นเล็กน้อย ทำให้รสชาติของข้าวละมุนให้ความอบอวลในปาก พร้อมกับตัวปลา ตัวข้าวนี้เป็นจุดหนี่งที่ทำให้เราตั้งตารอซูชิคำอื่นๆ อย่างใจจดจ่อ
Snapper in Miso
ปลาจาระเม็ดเนื้อแน่นกับซอสมิโซะที่ดึงรสชาติความหวานของเนื้อปลาออกมาเสิร์ฟตอนอะดันเต้พอดี และมิโซะนั้นเองเป็นเสมือนน้ำพริกที่ขาดไม่ได้ของคนไทยเรา ดังนั้นมิโซะก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ของชาวญี่ปุ่นเช่นกัน
Caviar &Uni (Bafun)
หนึ่งจานที่รอคอย และโดดเด่นประจำคอร์สของ Sushiyoshi นั่นคืออูนิและไข่ปลาคาร์เวียร์ที่จะเสิร์ฟบนหลังมือให้ได้รับประทาน คาร์เวียร์ที่ใช้เป็นคาร์เวียร์ที่เชฟฮิโรกิ เป็นคนหมักด้วยตัวเองในประเทศฝรั่งเศส ทำให้เข้ากับอาหารญี่ปุ่นได้ดีเป็นพิเศษ
เสิร์ฟพร้อมกับอูนิ สายพันธุ์บาฟุนที่ต้องประมูลให้ได้มา มีสีสันสดใส และชึ้นชื่อเรื่องความหวาน แน่นอนสดและไม่คาวเป็นจานที่เหมาะกับทั้งการกินและถ่ายรูป
Uni (Murasaki)
อูนิอีกสายพันธุ์หนึ่ง สีออกหม่นกว่าเล็กน้อย แต่ได้รสครีมอ่อนๆและสดชื่่น เสิร์ฟพร้อมสาหร่าย
Akamoku Shot
สาหร่ายตระกูลสาหร่ายแดง ที่ให้ความสดชื่น เมื่อรับประทานคู่กับมะนาวจะมีรสคล้ายสะระแหน่ และปรับลิ้นอีกครั้งหลังจากอูนิ ดื่มง่ายกว่าที่ตาเห็น
Ishigaki gai/Miso soup
รสชาติของซุปมิโสะแท้ในความทรงจำ ใส่หอยอิชิงากิ หอยตระกูลหอยปีกนก แต่เป็นสีเหลือง เป็นหอยประจำหน้าร้อนที่เนื้อแน่นหวาน เหนียว
Kisu Sashimi/Cheese
ซาชิมิปลาทรายกินคู่กับชีส ได้รสชาติที่แปลกใหม่ของทั้งฝั่งชีส และ ปลาทราย
ตัว Itoyori หรือปลาทรายแดง บ้านเราในสมัยก่อนเป็นปลาราคาถูกเพราะหาได้ง่าย ตามปกตินิสัยชอบอยู่อาศัยตามพื้นทรายก้นทะเล ปลาทรายแดงเป็นปลาที่เสียความสดรวดเร็วมาก และเป็นปลาที่เลือกที่สดจริงๆยากมากด้วย เพราะเครื่องในปลาทรายแดงจะเน่าเสียรวดเร็วและเนื้อจะซุยเร็ว ทำให้ยากต่อการหาที่สดจริงๆมาทำซูชิ ซาชิมิ ปลาทรายแดงญี่ปุ่นถ้าสั่งนำเข้ามาขายในไทยราคาน่ากลัวมาก ตกกิโลละพันกว่าบาทเลยทีเดียว แต่อย่างว่าประเทศเค้ามีความรู้ในการเก็บรักษา และมีความใส่ใจ อันที่จริงปลาทรายแดงสดๆ เนื้ออร่อยมากๆ เนื้อนุ่ม หอม อร่อย เป็นปลาที่มีรสชาติในเนื้อเลย ยิ่งผสานความมัน เค็มจากชีสนี่คือ ลงตัวแต่ไม่แย่งความเด่น เสริมกันได้ดีมาก ปลาที่เห็นชมพูๆเป็นดอกบ๊วยดองเกลือที่นอกจากสวยแล้วจะให้รสเค็มนิดๆด้วย
Kisu Sushi
ซูชิปลาทรายละลายในปาก เนื้ออร่อยมากๆ เนื้อนุ่ม กับข้าวอันแสนอร่อยที่ยังมีอุณหภูมิที่อุ่นๆสัมผัสได้ผ่านโดยตรงจากมือ ผ่านเทคนิคการปั้นสุดพิเศษเช่นเคย
Zuke Maguro/Mustard
ปลามากุโระหมัก กินคู่กับมัสตาร์ดแทนรสดั้งเดิมคือวาซาบิ ได้รสชาติหวานของมากุโระมากขึ้น
Aji Sushi
ซูชิปลาอาจิที่สดใหม่และเปรี้ยวกำลังดี Japanese Horse-mackerel アジ ลักษณะภายนอกคล้ายๆปลาทู เนื้อปลามีไขมันแทรก จึงทำให้เนื้อปลานุ่มหวาน ไม่เหม็นคาวเชฟร้าน Sushi Komatsu จะนำมาทำเป็นซูชิ และ ซาชิมิ
Ikura/Finger lime
อิคุระที่เตรียมสด ตั้งแต่ยังเห็นเป็นพวงไข่ หรือ ที่เรียกว่าทสึจิโกะ เราจะเห็นเชฟทำในทุกขั้นตอนเลย ตั้งแต่การนำพวกไข่ปลาสดๆออกมาวางจากนั้นก็เริ่มแกะออก เอามาล้างในน้ำอุณหภูมิที่ใช้เครื่องวัดอย่างละเอียด
ล้างน้ำออกหลายครั้ง นำมาใส่กับเกลือที่นำเข้าจากญี่ปุ่นและล้างออกอีก และเชฟจะค่อยๆคัดไข่ดึงเส้นเลือดและเยื่อหุ่มไข่ออกอีกทั้งคีบและคัดไข่ไม่สวยออก
ไข่ที่ผ่านขั้นตอนจะเปลี่ยนสีเป็นส้มสดและใสเป็นลูกแก้วพร้อมกิน ซึ่งอิคุระที่เตรียมสดนี้จะได้รสชาติดั้งเดิมของไข่ปลาและความมันที่ยังไม่ถูกกลบด้วยการหมัก ซึ่งรสชาติความเปรี้ยวเค็มที่หายไป
เชฟนำ finger lime และเกลือแผ่นมาเสริม ทำให้ได้ความรู้สึกของความสดใหม่ ซึ่งจะเสิร์ฟในขนาดพอดีคำบนช้อนโลหะ
Ikura Sushi
อิคุระสดที่หนืดเหนียวกว่าปกติ กับข้าวซูชิรสเลิศที่ข้าวมีความเป็นเม็ด อุณหภูมิมีความร้อนของข้าวอยู่ สัมผัสกับมือจะยังได้รับความรู้สึกอุ่นๆ และเมื่อเข้าปากจะรู้สึกดีมากๆ กับสาหร่ายเกรดพรีเมียมที่มีทั้งความหอม ความกรอบ แฟนอิคุระ จะต้องอดใจไม่ไหว
Aburi Otoro/Black summer truffle
เนื้อปลาโอโทโร่ที่อาบูริมาด้วยถ่านไม้ฮิคาริ ซึ่งเชฟจะนำถ่านใส่ในตะแกรงเหล็กสองชิ้น นาบเอาไว้ด้วยก้านเหล็กและเอามาจี่ๆกับตัวปลา
จะทำให้ได้กลิ่นหอมของถ่านได้ที่ต่างไปและหาไม่ได้จากการใช้ปืนไฟเผา อีกทั้งความสุกยังต่างออกไป
ท๊อปด้วยเห็ดทรัฟเฟิลพันธุ์ Blacksummer ที่หอมตั้งแต่ยังไม่ทันตักเข้าปาก รสชาติของวัตถุดิบตัวท๊อปสองตัวให้มาอย่างเต็มคำ หากินที่ไหนไม่ได้
Shako/Wasabi Moose/Okra
สุดยอดเมนูที่สร้างสรรค์ เสิร์ฟมาในจานสวย เนื้อกั้งหวานที่เข้าได้อย่างดีกับมูสวาซาบิที่ทั้งหวานมันอร่อยและมีรสชาติธรรมชาติของวาซาบิและกระเจี๊ยบเขียว เป็นจานที่ให้ความสุขมากทั้งด้านวิชวลและรสชาติ
Katsuo/Shiromiso
ปลาคัตสึโอะ ใครจะรู้ ปลาคัตสึโอะ อยู่ในทุกเมนูอร่อยของอาหารญี่ปุ่น
ในเกือบทุกเมนูอาหารญี่ปุ่นมักจะมีส่วนผสมของ ปลาคัตสึโอะ หรือ ปลาโอ เป็นปลาเนื้อแดง เหมือนกับปลาซาบะกับทูน่า ซึ่งเป็นปลาคุณภาพดีในการทำซูชิ มีเนื้อละเอียด นุ่ม รสชาติเข้มข้น และทานง่าย รู้หรือเปล่าคนญี่ปุ่นมีความเชื่อว่าปลาคัตสึโอะจะนำโชคมาให้
ถ้ากินในเวลาไปติดต่อประสานงานต่างๆ หรือนักกีฬาที่กำลังจะไปแข่งขัน เชื่อว่าจะประสบความสำเร็จกลับมา เพราะเคยมีตำนานเล่าว่าในสมัยเอโดะ ตระกูลโฮโจกำลังจะออกไปทำสงครามระหว่างทางได้ตกปลาเพื่อมาทำเป็นเสบียง แต่แล้วจู่ๆมีปลาคัตสึโอะกระโดดขึ้นมาบนเรือหลังจากที่นายพลได้กินปลาคัตสึโอะ ทำให้ศึกครั้งนั้นนายพลชนะสงคราม (คัตสึ พ้องเสียงกับคำว่า 勝つ (Katsu) ที่แปลว่า ชัยชนะ ในภาษาญี่ปุ่นนั่นเอง)
ตัวปลาคัตสึโอะ ทานสดรสชาติดีมาก แต่ขนาดในญี่ปุ่นเอง ยังหารับประทานที่สดใหม่ได้ยากมาก เนื่องจากปลาเสียความสดเร็วมาก อย่างเดียวกับ ปลาซาบะคือจะเสียความสดง่ายมาก ดังนั้น จึงต้องแช่มากับน้ำแข็งที่โรยเกลือจะดีที่สุด เพราะถ้าเสียความสดไปแล้วกลิ่นคาวจะแรงมาก เพราะเหตุผลนี้คนญี่ปุ่นจึงได้มีการแปรรูปปลาคัทสึโอะ มาเป็น คัทสึโอะบูชิ และในเวลาต่อมาทำให้กลายเป็นวัตถุดิบที่สำคัญในอาหารญี่ปุ่น ที่มี texture เฉพาะตัว กับซอสชิโระมึโสะ ที่เชฟแนะนำให้กินสองแบบคือก่อนคนที่ให้รสหวาน และหลังคนซึ่งให้รสชาติหวานอมเปรี้ยว
Shrimp Carapaccio
เนื้อกุ้งโบตั๋นที่ทำแบบคาร์ปาชโช กินคู่กับไอศครีมมันกุ้งที่หวานมัน น่าจะเป็นสวรรรค์ของคนที่ชอบมันกุ้ง เป็นความสร้างสรรค์ที่จัดได้ความควรชื่นชม ดาวพุ่งออกจากปากเลยทีเดียว อร่อยกลมกล่อมอูมามิมาก
Nodoguro Maki
เนื้อปลากระพงสีชมพู ซึ่งเป็นปลาทะเลน้ำลึกหายากเสิร์ฟแบบมากิ หวานมัน อร่อยมากๆกับข้าวอุ่นๆและสาหร่ายเกรดพรีเมียมหอม กรอบ กลมกล่อม ปลาโนโดกุโระ หรือ ปลากะพงสีชมพูจากญี่ปุ่น (Rosy Seabass) เป็นปลาเนื้อขาวที่มีไขมันอัดแน่น แต่เป็นไขมันที่ดี หนึ่งในปลาเกรดบนที่มีราคาค่อนข้างสูงมากในตลาดเนื่องจากอยู่ในทะเลน้ำลึกจึงหายากมาก แต่ด้วยความที่มีรสชาตินุ่ม เนียน และ หวาน หอม แบบที่เมื่อนำไปย่างไฟไขมันจะละลายจนชุ่มฉ่ำ อร่อยสมกับราคา และ สำหรับใครที่เคยทานปลา Kinki แล้วชื่นชอบ บอกเลยว่า ต้องลองปลาโนโดกุโระให้ได้
Otoro Maki
มากิเนื้อปลาโอโทโร่ไส้ทะลักที่แค่เห็นต้องหวานมัน ทำเอาใครๆ ณ ที่นี้ต่างตาวาววับเป็นประกาย น้ำลายสอ
โอโทโร่คือชื่อของเนื้อส่วนท้องด้านหน้าของปลามากุโระ ซึ่งเป็นส่วนที่มีไขมันแทรกตัวอยู่ในเนื้อเป็นจำนวนมาก โดยมีลักษณะคล้ายลายหินอ่อน คนญี่ปุ่นนิยมการทานเนื้อโอโทโร่เป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าจะหายากและมีราคาแพง เพราะเมื่อเอาเข้าปากไขมันที่แทรกอยู่ในเนื้อโอโทโร่ก็จะกระจายตัวออกทิ้งไว้ซึ่งความหวาน ละมุนของเนื้อปลา และให้ความรู้สึกเหมือนเนื้อปลาละลายไปในปากเลยทีเดียว
พร้อมกับรสชาติเนื้อปลาที่ละลายในปาก เชฟจะให้ทุกท่านได้เลือกในชิ้นที่อยากได้ แต่ใครเลือกคนสุดท้ายเชฟจะแถมให้อีกชิ้นได้ฟินไปอย่างต่อเนื่อง
Red Bean Ice cream
เนื้อไอศรีมถั่วแดงที่เนียนและหอมถั่วแดงมากๆ ไม่หวานเกินไป กินคู่กับเชอร์รี่และวิปปิ้งครีม เป็นของหวานที่ดูธรรมดา แต่อยากขอเติม
Akita Watermelon
แตงโมสายพันธุ์อะกิตะ ที่สีสวยมาก มีรสหวานเข้มข้นหอมแน่นเหมือนน้ำเชื่อมคุโรมิซึญี่ปุ่น
หลังจากครบ 25 เมนูเชฟก็ได้ขอบคุณพวกเราด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม และ เดินออกมาส่งลูกค้าทุกท่านด้วยตัวเองบริเวณประตูหน้าร้าน ซึ่งทุกคนนอกจากอิ่มท้องก็มีสีหน้าที่พึงพอใจสำหรับประสบการณ์โอมากะเสะมื้อนี้
ท่านที่ต้องการสัมผัสความพิเศษของ Co-creation โอมากะเสะนี้สามารถจองได้ ก่อนที่เมนูจะเปลี่ยนอีกครั้งในช่วงเดือนตุลาคมโดยตรงผ่าน ตัวแทน เวปไซต์ www.sushiyoshibangkok.com หรือ ผ่าน FB fanpage Sushiyoishi Bangkok และโปรดติดตาม kinlakestars ซึ่งจะนำเสนอข่าวสารร้านอาหารสำหรับมื้อพิเศษของคุณในโอกาสต่อๆไป
Story : Dr.Athiwat T.
Photo : Pol.Capt. Kittin A.
omakase, japanese cuisine, fine dining, review, sushi yoshi, โอมากาเสะ, อาหารญี่ปุ่น, รีวิว, ซูชิโยชิ, สาทร
Kin Review
Kinlakestars.com
KinlakeStars.com กินแหลกแจกดาว สื่ออาหารและการท่องเที่ยว ที่นำเสนอเกี่ยวกับ อาหาร และ การกินดื่ม รวมถึงการท่องเที่ยวและที่พัก ทั้งในส่วนของ รีวิว อาหาร สถานที่ กิน ดื่ม เที่ยว พัก ผ่อนคลาย ในทุกประเภทหมวดหมู่ โปรโมชั่น ส่วนลด เมนูใหม่ กิจกรรมพิเศษ ที่เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม บทความที่เกี่ยวกับการ กินดื่ม ไม่ว่าจะเป็น บทความกินดื่มทั่วๆไป อาทิ วิธีการ กินชีส และการดื่มไวน์ บทความการกินเพื่อสุขภาพ บทความการกินตามเทศกาล บทความสาธิตและสอนทำอาหาร สูตรทำอาหาร ข่าวสารในแวดวง การกิน ดื่ม คลิปและวีดิโอ เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม ท่านสามารถค้นหาร้านอาหารผ่านแถบค้นหาด้านบนสุดของเวปได้เพียงพิมพ์ชื่อร้าน หรือประเภทอาหาร และย่าน คิดถึงเรื่อง กิน ดื่ม คิดถึง kinlakestars.com – กินแหลกแจกดาว