สารพัดการแสดง และอาหารปรุงสดๆ ชมลีลาต่อหน้า และสินค้ามากมาย พร้อมทัศนียภาพริมน้ำ ที่งดงามสุดๆ ‘Thursday Thai Night Market’ ดินเนอร์อาหารไทย ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ศาลาทิพย์
วันนี้ Kinlakestars จะพาทุกท่านไปพบกับร้านอาหารไทยริมน้ำที่มีทัศนียภาพที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งในเจ้าพระยากันครับ ศาลาทิพย์ ร้านอาหารไทยรสฝรั่งกินได้ คนไทยชอบ การปรุงด้วยรสแบบดั้งเดิมผสานกับการเลือกใช้วัตถุดิบชั้นเลิศ ตั้งอยู่ชั้นล่างของ โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพ อยู่ท่ามกลางสวน จะพบกับศาลาเรือนไทยไม้สักทองตั้งตระหง่านอยู่
ทุกเย็นวันพฤหัสฯ ตั้งแต่เวลา 18.30 น. ถึง 22.30 น. ที่ศาลาทิพย์ จะมีดินเนอร์อาหารไทย ซึ่งจะจัดเป็นธีมตลาดริมแม่น้ำมาให้แขกได้ตื่นตาตื่นใจกับอาหารไทยปรุงสดต่อหน้าที่ศาลาทิพย์ ทั้งอาหาร ขนมหวาน รวมไปถึงมีผลิตภัณฑ์ปลอดสารพิษให้เลือกซื้อ จากซุ้มสินค้าพื้นบ้านต่างๆ ที่ตั้งเรียงรายอยู่ตามแนวทางเข้าห้องอาหารฯ เช่น สบู่โฮมเมด ผ้าทอไทย กระเป๋าผ้าไทย ผลิตภัณฑ์สปาออร์แกนิกจากภูมิปัญญาไทย เครื่องประดับเงิน เป็นต้น
เข้ามาก็จะเจอกับโอ่งใส่น้ำ ต้อนรับอยู่ศาลาด้านหน้า
เราเข้าไปดูบรรยากาศข้างในกันเลยดีกว่า ต้องบอกเลยว่า บรรยากาศดีมาก คือเราสามารถมองเห็นวิวสวยๆ โดยรอบทั่วแม่น้ำเจ้าพระยา เห็นเรือสัญจรกันไปมา
โดยโต๊ะอาหารจะมีทั้งอยู่ในตัวศาลาเรือนไทย และ อยู่บริเวณโดยรอบของศาลา
พอกลางคืน ก็ให้ความรู้สึกสวยไปอีกแบบ เห็นไฟจากเรือ และ อาคารต่างๆ โรแมนติกดีมากๆ
เยี่ยมชมบริเวณโดยรอบแล้ว เราไปดูในตลาดกันบ้างดีกว่า ว่ามีอะไรบ้าง ไล่มาจากซุ้มข้างหน้าสุดเลยแล้วกัน คือ ชาชัก กายอ มีคนมาแสดงการชงชาสดๆ ที่เป็นเอกลักษณ์แบบฉบับของชาชักด้วยครับ
ชาชักสไตล์ทางใต้ ตื่นเต้น สนุกสนานไปกับ ลีลาการชงชา ชาไทย กลิ่นหอมๆ รสชาติชาเข้มข้น หวานกำลังดี
ข้ามมาฝั่งตรงกันข้าม เป็นซุ้มส้มตำ
ข้าวเหนียว สำหรับทานคู่กับส้มตำ
มีพี่สาว มาตำส้มตำให้ กันครกต่อครกเลยครับ อยากได้รสชาติแบบไหนบอกได้เลยครับ
ถัดมามีซุ้มผักพื้นบ้านไทยๆ เล็กๆ อยู่ข้างๆ
ข้างๆ ซุ้มผัก ก็เป็น ซุ้มของว่างไทยๆ อย่าง สาคูไส้หมู ข้าวเกรียบปากหม้อ และ ช่อม่วง นั่นเอง
ถูกจัดเรียงไว้ในจานให้เลือกหยิบกันได้เลย
เขยิบไปอีกนิดหนึ่งก็เป็น ซุ้มต้มยำทะเล
ของทะเลสดๆ ไม่ว่าจะเป็น กุ้ง หอย ปู ปลา หมึก มีหมดทุกอย่าง
เราสามารถปรุงได้ตามใจชอบเลย ไม่ว่าจะเป็น ตะไคร้ ใบมะกรูด ผักชี พริก ใครไม่ชอบทานเผ็ดก็สามารถทานได้ครับ
ต่อมาเป็น ซุ้มไก่สะเต๊ะ ย่างกันใหม่ๆ เลย
นอกจากนี้ บริเวณโซนนี้ ยังมีไก่ย่าง และ คอหมูย่าง อีกด้วยครับ
จริงๆ ก็สามารถนำไปทานกับ ส้มตำ ข้าวเหนียว ซุ้มข้างหน้าก็ได้นะครับ เข้ากันสุดๆไปเลย
ซุ้มสุดท้าย จะเป็นซุ้มอะไรไม่ได้นอกจาก ซุ้มขนมหวาน คือมีขนมหลากหลายอย่างให้เลือกกันมากมาย ได้แก่ ข้าวเหนียวมะม่วง กล้วยแขก บัวลอย ไอศกรีมกะทิ และ ฟักทองเผือกแกงบวช
บัวลอยในกะทิเข้นข้นสุดๆ
กล้วยแขกร้อนๆ ชุบด้วยแป้งสูตรพิเศษ
เดินชมไปซักพัก ก็เห็นใครบางคนที่สะดุดตา นั่นก็คือ หนุมาน นั่นเอง เดินมากับสาวน้อยคนสวย
วันนี้โต๊ะของเราอยู่ในศาลาเรือนกลาง มาถึงที่โต๊ะ อาวุธถูกจัดเรียงไว้บนใบบัว ให้ความรู้สึกอยู่ในธรรมชาติมากๆ
Chao Praya Breeze (220 THB++) ตัวนี้เป็นม๊อกเทล กลิ่นลิ้นจี่ฟุ้งขึ้นมาขณะดื่ม รสชาติออกเปรี้ยว จัดจ้านดี
Mango Coco (220 THB++)
TOM YUM (350 THB++)
ส่วนตัวนี้มาเป็นสำรับเลย เป็นค๊อกเทล ผสมระหว่างวอดก้า ที่แช่เครื่องต้มยำไว้ และ เหล้ามะพร้าว
มาเริ่มกันที่ของว่างก่อนเลย ไก่สะเต๊ะมีความนุ่มมาก หอมกลิ่นเครื่องเทศที่ จิ้มกับน้ำจิ้มสะเต๊ะหอมกลิ่นถั่ว ส่วนพวกสาคู ข้าวเกรียบปากหม้อ ไส้จะเหมือนกัน รสชาติออกหวานๆ ทั้งช่อม่วง และ ข้าวเกรียบปากหม้อ แป้งมีความเหนียวนุ่มดี ส่วนสาคู ตัวแป้งจะออกหนึบหนับเล็กน้อย มีความหนาไปนิดหน่อย
ส้มตำ รสชาติเปรี้ยวหวานกำลังดี ผักต่างๆสดดี
ต้มยำทะเล ของทะเลสดดี ไม่ว่า กุ้ง หรือ หมึก แต่รสชาติน้ำซุปเปรี้ยวโดดไปนิด ถ้าเพิ่มความเค็ม และ ความหวานอีกหน่อย จะกำลังดีเลยครับ แต่โดยรวม ถือว่ายังได้อยู่ครับ สำหรับต้มยำ
ทานอาหารไปซักพัก อยู่ดีๆ ก็มี หนุมาน และ นางสุพรรณมัจฉา วิ่งเข้ามาในศาลา แล้วแสดงให้ดูกันสดๆ
สำหรับ Thursday Thai Night Market ราคา 1,888 บาท++ ต่อท่าน จะมีชุดขันโตกให้ท่านละ 1 ชุด สามารถลือกได้จาก 3 ชุด ต่อไปนี้ ส่วนอาหารที่เป็นซุ้ม จะมีให้บริการตลอด โดยสามารถตักได้เรื่อยๆ เลยครับ
ขันโตกชุดแรก คือ ชุดชะพลู ประกอบไปด้วย ข้าวผัดตะไคร้ แกงเขียวหวานหมูใบชะพลู และ ปลากระพงราดซอสสามรส
เนื้อปลาสุกกำลังดีไม่แห้งเกินไป ซอสที่ราดมามีรสกลมกล่อม เค็มๆ หวานๆ และมีกลิ่นของใบกระเพราอ่อนๆ
แกงเขียวหวานรสชาติถึงเครื่องดี หอมกลิ่นเครื่องเทศต่างๆ รวมไปถึงได้กลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของใบชะพลูด้วย
ชุดที่สอง ชุดพริกไทยดำ ชุดนี้จะมีข้าว และ โรตี ให้ โดยข้าวที่ใช้จะเป็นข้าวกล้อง ส่วนกับข้าว ก็จะเป็น แกงมัสมั่นเนื้อส่วนแก้มของเนื้อวากิว และ กุ้งลายเสือทอดราดด้วยซอสพริกไทยดำ
กุ้งเนื้อแน่นดี รสชาติจะออกไปทางเค็ม และ หอมกลิ่นพริกไทยดำมาก ชอบๆ
ชุดสุดท้าย คือ ชุดผงกะหรี่ ชุดนี้เป็นข้าวกระเทียม เบบี้ล๊อบสเตอร์ผัดผงกะหรี่ และ ไก่ทอดหาดใหญ่
ผัดผงกะหรี่ทำได้รสชาติเข้มข้นอร่อย หอมกลิ่นผงกะหรี่อ่อนๆ ไม่ฉุน ส่วนเนื้อของเบบี้ล๊อบสเตอร์ก็สด และ ทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว
ไก่มีความนุ่ม รสชาติดี ไม่ต้องจิ้มก็อร่อย ทานคู่กับผักดองต่างๆ ช่วยตัดรสชาติได้เป็นอย่างดี
ตบท้ายกันด้วยของหวานต่อเลยนะครับ วันนี้ได้ลองชิม สองสามอย่าง
- บัวลอย ตัวน้ำกะทิมีความข้นกำลังดี หอม มัน ที่สำคัญไม่หวานมาก ตัวแป้งมีความเหนียวนุ่ม และ มีเนื้อมะพร้าวหั่นเป็นเส้นให้พอเคี้ยวกรุบๆ ด้วย
- ไอศกรีมกะทิ มีเครื่องหลากหลายให้เลือกใส่ ไม่ว่าจะเป็น ทับทิมกรอบ ลูกชิด มันเชื่อม ขนุนเชื่อม เป็นต้น ส่วนไอศกรีม แอบเห็นว่าเป็นของ ไผ่ทอง ซึ่งส่วนตัวก็ชอบไอศกรีมกะทิของเขาอยู่แล้ว ด้วยความที่ไม่ค่อยหวาน เนื้อไอศกรีมเนียนนุ่ม ไม่เป็นเกล็ดน้ำแข็ง
- ข้าวเหนียวมะม่วง สำหรับข้าวเหนียวมูนได้ดีเลย เป็นเม็ดๆอยู่ ส่วนมะม่วง ก็หวานดี
นอกจากนี้ก็มีการแสดงต่างๆ มาให้ชมอีกเรื่อยๆ เช่น การชนไก่ การละเล่นทางภาคอีสาน อย่าง ฟ้อนกะโป๋ หรือ เซิ้งกะโป๋ อีกด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายสำรองที่นั่งห้องอาหารของโรงแรมฯ โทร. 0 2236 9952 หรือ 0 2236 7777 หรือ อีเมล [email protected] หรือสำรองโต๊ะได้ที่เว็บไซต์ http://www.shangri-la.com/bangkok/shangrila/dining/ หรือ สำรองโต๊ะผ่านเฟซบุ๊กของโรงแรมฯ ที่ https://www.facebook.com/shangrilabkk/
เรื่อง / ภาพ Krangkrai T.
KinlakeStars.com