ท่องอารยธรรมอาหารพื้นเมืองของชาวซิซิเลียน (SICILIAN) โดยฝีมือมิชลินสตาร์เชฟ วินเซนโซ แคนดิเอโน ( CHEF VINCENZO CANDIANO) บินตรงจากห้องอาหารระดับมิชลิน 2 ดาวในอิตาลี สู่ห้องอาหารโจโจ ในวันที่ 6 ถึง 11 ธันวาคม 2560
ในครั้งนี้ Kinlakestars.com ขอนำเสนอความยอดเยี่ยมในการปรุงอาหารของเชฟวินเซนโซ แคนดิเอโน (Vincenzo Candiano) ที่ได้รับการยกย่องและมีชื่อเสียงจาก Locanda Don Serafino ห้องอาหารอิตาเลียนหรูระดับมิชลินสตาร์ 2 ดาวจากเมืองซิซิลี พร้อมรังสรรค์มื้ออาหารกลางวันและมื้อค่ำที่น่าจดจำ ภายใต้บรรยากาศที่หรูหราสไตล์ห้องอาหารโจโจ ในวันที่ 11 ถึง 16 ธันวาคม 2560
วินเซนโซ เชฟชาวซิซิเลียน เน้นคัดสรรเฉพาะวัตถุดิบท้องถิ่นและปลาจากเมดิเตอร์เรเนียน นำเสนอศิลปะการทำอาหารเชิงสร้างสรรค์ และรสชาติอันโดดเด่น สะท้อนถึงประเพณีและวัฒนธรรมของซิซิลีและเป็นธรรมเนียมปฏิบัติดั้งเดิมของชาวซิซิเลียนในยุคอดีตที่เรียกว่า Hyblean
Locanda Don Serafino ห้องอาหารหรูระดับมิชลินสตาร์ 2 ดาวในเมืองรากูซ่า (Ragusa) เป็นเมืองในชนบทที่สง่างามและตั้งอยู่ในทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะซิซิลี (Sicily)ได้รับยกย่องเป็นเมืองมรดกโลกด้วยสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น รวมทั้งอารยธรรมอาหารสไตล์ดั้งเดิม ผสมผสานศาสตร์การปรุงอาหารของชาวซิซิเลียนให้สอดคล้องกับวัตถุดิบท้องถิ่นถ่ายทอดผ่านเมนูของเชฟวินเซนโซ
เชฟวินเซนโซและทีมพ่อครัวห้องอาหารโจโจ พร้อมรังสรรค์มื้ออาหารกลางวันและมื้อค่ำที่น่าจดจำ แต่ละเมนูมีการจับคู่ไวน์ที่ถูกเลือกและจับคู่ได้อย่างลงตัวโดยซอมเมอลิเย่ร์แห่งเดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ
อาหารของวินเซนโซสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นตัวเองทั้งความอ่อนน้อมถ่อมตนและความหลงใหลในการปรุงอาหารอย่างแท้จริงเฉกเช่นเมืองรากูซ่าอันเป็นที่รักของเขา ที่สืบทอดประเพณีอันยาวนาน เป็นแหล่งกำเนิดวัตถุดิบและผลผลิตท้องถิ่น และการปรุงอาหารแบบประยุกต์ คงใช้ส่วนผสมที่เรียบง่ายแต่ครีเอทเมนูอาหารที่เหนือความคาดหมาย ซึ่งทำให้เมนูอาหารสมบูรณ์แบบและเข้าถึงรสสัมผัสของเมนูอาหารพื้นเมืองได้ง่าย เชฟอธิบายอย่างถ่อมตัวว่า
“ฉันชอบห้องครัวของฉันในแบบสบายๆและเรียบง่าย” แม้อาหารของเขาจะดูเรียบง่ายแต่เข้าถึงศิลปะการทำอาหารท้องถิ่นอย่างแท้จริง
พบกับวินเซนโซ ตลอดทั้งสัปดาห์ที่ห้องอาหารโจโจ เตรียมมอบความประทับใจของเมนูอาหารเปี่ยมด้วยรสชาติอาหารอิตาเลียนดั้งเดิมให้คุณได้ลิ้มลอง
Beef tartare (Beef tartare with smoked buffalo mozzarella foam, Jerusalem artichoke and carrot chips, radish Feudo Maccari)
สำหรับเมนูอุ่นเครื่องจานแรก เนื้อวัวสดที่ผ่านการทำให้ละเอียดด้วยการใช้มีดสับ ไม่ใช่การใช้เครื่องบด จึงทำให้สัมผัสนั้นมีความละเอียดต่างกันไป รสหวานจากเนื้อสดกับรสมันจากมอสซาเรล่าชีสจากนมควายเข้ากันได้ลงตัว และรสมันๆสดชื่นๆจากแก่นตะวัน ซึ่งเป็นพืชที่ให้รสคล้ายแห้วหรือมันแกวนั้นเอง มีสัมผัสกรุบกรอบจากแครอททอดกรอบ รวมๆแล้วเป็นจานที่ให้ความสดชื่น เบาๆ ไม่รู้สึกหนัก
เสิร์ฟคู่กับ ไวน์ขาว Grillo IGT 2015 ซึ่งมีสีเหลืองทอง ให้กลิ่นสดชืนออกไปทางดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิ กลิ่นสดชื่นแบบพืชตระกูลส้ม กลิ่นอมหวานนิดๆแบบลูกพีช และกลิ่นขมๆปลายจมูกแบบเมล็ดอัลมอนต์ สำหรับรสนั้นค่อนข้างแน่นและสดเหมาะกับทาทาร์ดี
พาสต้า ชีสคาชิโอคาวัลโล กุ้งแลงกูสทิน ตะไคร้ วาฟเฟิลพิสตาชิโออบกรอบ (Sicily Italy Pasta creamed with sicilian Caciocavallo cheese and lemongrass, roasted langoustine and crunchy pistachio waffle Pietradolce)
พาสต้า ชีสคาชิโอคาวัลโล ลักษณะของตัวพาสต้าอาจจะไม่ได้เป็นที่คุ้นตานัก รูปทรงมีลักษณ์คล้ายเปลือกหอยที่ขดเป็นเกลียวและมีการบานออกตรงปลายรอบๆ รสชาติเข้าถึงในตัวเนื้อแป้งพาสต้าเพราะระหว่างการต้มให้ตัวแป้งสุก เชฟก็จะนำน้ำสตอคปลาคอยใส่ลงไปเรื่อยๆ มีเนื้อสัตว์หลักในจานเป็นกุ้งแลงกูสทินซึ่งเป็นกุ้งที่พบได้ตามบริเวณซิซีลี ผสานเข้ากับตะไคร้ และแผ่นวาฟเฟิลพิสตาชิโออบกรอบ โดยปกติถั่วพิทาชิโอ้รสจะไม่แรงแต่เสน่ห์ของมันอยู่ที่ความหอม มัน และรสชาติก็มักปรุ่งแต่งเพิ่มไปด้วยเกลือ ซึ่งให้สัมผัสที่กรอบ ต่างออกไปจากความหนึบนุ่มของเส้นพาสต้า จานสะท้อนความเป็นซิซิเลียนได้เป็นอย่างดีทั้งรสชาติที่มีความหนักจัดจ้านแต่ก็ไม่แรงจนเกินไป ทั้งสัมผัสของทุกอย่างในจานที่มีความหลากหลายไม่น่าเบื่อ ดั่งนิสัยและอากาศของชาวอิตาเลียนใต้ จานนี้เป็นอีกจานที่ต้องยกนิ้วให้เชฟเลย
เสิร์ฟคู่กับไวน์แดง Etna Rosso DOC 2014 สำหรับไวน์ตัวนี้มีสีแดงสวยเป็นประกายดั่งทับทิม กลิ่นหอมออกไปทางเชอร์รี่สี่เข้ม และกลิ่นผลไม้สุก ระดับน้ำหนักอยู่ในระดับกลาง มัสัมผัสที่สดชื่น แทนนินไม่หนักไป การเลือกใช้ไวน์แก้วนี้ในความเห็นส่วนตัวน่าจะใช้ไงวน์ที่เบากว่านี้เพื่อไม่รบกวนรสชาติของตัวพาสต้า
เรามาถึงของหวานกันแล้วเป็นพานาคอตต้า (Sicily Italy Blancmange with Cow Milk in raspberries and melissa, pink pepper meringues Carlo Hauner)
สำหรับของหวานจานนี้ไม่หวานมากไป ออกไปในทางเบาๆ เน้นความรู้สึกสดชื่นและล้างปากมากกว่า ซึ่งเหมาะสำหรับเป็นจานต่อจากพาสต้าจานก่อนหน้านี้ ความหวานของพุดดิ้ง Blacmange ก้อนสีขาวซึ่งเป็นพระเอกในจานนี้ที่ทำจากนมวัว
ได้ Texture ที่นวลนุ่มเหมือนดั่งชายหนุ่มผู้นุ่มนวลแสนสุภาพ เข้ากันได้ดีกับรส หวานอมเปรี้ยวจากเบอร์รี่สดและซอสเบอร์รี่ที่เปรียบดั่งสาวความมั่นใจสูงที่มาช่วยเติมเต็มให้สมบูรณืแบบ แต่ก็มิได้ทำให้เกิดความโดด มีการเสริมความตื่นเต้นให้สมัผัสในจานด้วยเมอแรงที่มีรสเผ็ดนิดๆ เปรียบเหมือนมีนางอิจฉาที่คอยสร้างสีสรรค์ให้จานนี้มีเรื่องราวและสัมผัสที่ไม่นิ่งเรียบและน่าเบื่อจนเกินไป
เสิร์ฟคู่กับไวน์หวานอย่าง Malvasia Passito DOC 2012, Sicily Italy ไวน์ตัวนี้มีสีเหลืองทองอัมพันแวววาวงดงามเป็นประกาย สำหรับกลิ่นนั้น หอมหวนชวนดมตามระเบียบไวน์หวาน มีกลิ่นน้ำผึ้งออกเป็นกลิ่นแรก มีกลิ่นลูกฟิก ผลไม้หวานแห้งตาม และตบท้ายด้วยกลิ่นเครื่องเทศเบาๆ รสชาติออกไปในทางหวานมากทีเดียว ซึ่งเข้ากันได้ดีกับของหวานจานนี้ซึ่งไม่ได้หวานมาก เข้าบางแล้วให้ความรู้สึกอุ่นเหมือนดั่งได้รับการกอดด้วยความทะนุถนอม อบอุ่นอย่างพอดี เป็นแก้วที่จับคู่ได้ดีมาก
สัมผัสประสบการณ์อาหารสุดพิเศษจากมิชลินสตาร์เชฟวินเซนโซ แคนดิเอโน ทั้งมื้อกลางวันและมื้อค่ำ ณ ห้องอาหารโจโจ ด้วยราคาพิเศษดังนี้
– 3,500 บาท ++ ต่อท่านสำหรับ 5 คอร์สเมนูมื้อกลางวัน
– 6,000 บาท ++ ต่อท่านสำหรับ 5 คอร์สเมนูมื้อกลางวัน เสิร์ฟควบคู่กับไวน์
– 5,800 บาท ++ ต่อท่านสำหรับ 9 คอร์สเมนูมื้อค่ำ
– 8,800 บาท ++ ต่อท่านสำหรับ 9 คอร์สเมนูมื้อค่ำ เสิร์ฟควบคู่กับไวน์
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและสำรองที่นั่ง กรุณาติดต่อ โทร 02-207-7777 หรืออีเมล์ [email protected] เยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ stregisbangkok.com
เกี่ยวกับเชฟวินเซนโซ แคนดิเอโน
วินเซนโซ แคนดิเอโน (Vincenzo Candiano) ชาวอิตาเลียนเกิดและเติบโตในเมืองซิซิลีโดยพ่อของเขาเป็นเจ้าของฟาร์มขนาดเล็ก ซึ่งจุดประกายให้เขาเกิดความหลงใหลในอาหารของเขาตั้งแต่นั้นมา เขาจบการศึกษาจากสถาบัน Hospitality in Modca และได้รับคัดเลือกให้การฝึกงานที่ Michelin-Starred Da Caino ร้านอาหารระดับรางวัลมิชลินสตาร์สองดาวในปี 2549 ภายใต้การฝึกสอนเชฟ Valeria Piccini ถือเป็นใบเบิกทางแห่งความสำเร็จในสายอาชีพเชฟตลอด 20 ปี
เนื่องด้วยครอบครัวแคนดิเอโนมีส่วนสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการผลักดันให้วินเซนโซรักการทำอาหารตั้งแต่แรก โดยมีทั้งยายและป้าถ่ายทอดความรู้และให้คำแนะนำปรึกษาด้านการปรุงอาหารกับเขา วินเซนโซชอบทำอาหารพื้นบ้านแบบเรียบง่ายและไม่ซับซ้อนมากกว่า เขาได้พัฒนาประสบการณ์และความชำนาญด้วยตนเองควบคู่ไปกับการเรียนรู้แบบค่อยเป็นค่อยไปและทุ่มเทฝึกฝนงานในครัว
วินเซนโซรับบทบาทเสมือนตัวแทนเชฟด้านอาหารพื้นเมืองซิซิลี เขารับหน้าที่ดูแลร้านอาหาร Locanda Don Serafino ที่เมืองรากูซาตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงตอนใต้ของอิตาลีในปี 2545 เขาได้รับรางวัลมิชลินสตาร์แห่งแรกในปี พ.ศ. 2550 เขาได้รับการยอมรับว่าเป็น Best Young Emerging Chef in Southern Italy ต่อมาได้รางวัลมิชลินสตาร์สองดาวในปี 2556 และเขายังคงหลงใหลในอาหารประจำท้องถิ่นและเยี่ยมนักชิมอาหารเพื่อศึกษา และพัฒนากระบวนการการปรุงอาหารเชิงสร้างสรรค์ และเสริมสร้างทักษะ การประยุกต์ต่างๆให้ดีขึ้น
การทำอาหารของเขาเน้นถึงรสชาติอันโด่ดเด่นสะท้อนถึงประเพณี และวัฒนธรรมอันเป็นธรรมเนียมดั้งเดิมของชาวซิซิเลียน มีชื่อเรียกว่า Hyblean เขารังสรรค์เมนูอาหารอิตาเลียนสไตล์ดั้งเดิม เน้นวัตถุดิบท้องถิ่น และผสมผสานศาสตร์การปรุงอาหารพื้นเมืองของชาวซิซิเลียนให้สอดคล้องกับการนำเสนอการปรุงอาหารด้วยกรรมวิธีแบบร่วมสมัย
Story / Photo : Pol.Cap. Kittin A.
jojo, st.regie, fine dining, michelin stars, Vincenzo Candiano
KinlakeStars.com กินแหลกแจกดาว สื่ออาหารและการท่องเที่ยว ที่นำเสนอเกี่ยวกับ อาหาร และ การกินดื่ม รวมถึงการท่องเที่ยวและที่พัก ทั้งในส่วนของ รีวิว อาหาร สถานที่ กิน ดื่ม เที่ยว พัก ผ่อนคลาย ในทุกประเภทหมวดหมู่ โปรโมชั่น ส่วนลด เมนูใหม่ กิจกรรมพิเศษ ที่เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม บทความที่เกี่ยวกับการ กินดื่ม ไม่ว่าจะเป็น บทความกินดื่มทั่วๆไป อาทิ วิธีการ กินชีส และการดื่มไวน์ บทความการกินเพื่อสุขภาพ บทความการกินตามเทศกาล บทความสาธิตและสอนทำอาหาร สูตรทำอาหาร ข่าวสารในแวดวง การกิน ดื่ม คลิปและวีดิโอ เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม ท่านสามารถค้นหาร้านอาหารผ่านแถบค้นหาด้านบนสุดของเวปได้เพียงพิมพ์ชื่อร้าน หรือประเภทอาหาร และย่าน คิดถึงเรื่อง กิน ดื่ม คิดถึง kinlakestars.com – กินแหลกแจกดาว